Skip to main content

Hotel metasearch: เพิ่มรายได้การจองตรงใหม่สู่ที่พักของคุณ

  โพสต์ใน แหล่งข้อมูล   ปรับปรุงล่าสุด 15/02/2024

ทำความรู้จักกับ Metasearch Engine

Metasearch เป็นแพลตฟอร์มสุดอินเทรนด์ที่เติบโตไปพร้อม ๆ กับธุรกิจโรงแรมตามการตลาดดิจิทัลมาเรื่อย ๆ และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การโฆษณาที่พักบน Metasearch มีอัตราสูงขึ้นแบบติดสปีด และยังมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ให้กับโรงแรมหลาย ๆ แห่งเลยทีเดียว

เว็บไซต์ Metasearch เป็นแพลตฟอร์มที่นิยมในการรวมรวบที่พักจากเว็บไซต์จองห้องพักออนไลน์ (OTAs) และเป็นตัวช่วยยกระดับการวางแผนท่องเที่ยวให้กับนักเดินทางทั่วโลก ทำให้เครื่องมือ Metasearch Engine ฮอตฮิตทั้งในหมู่นักเดินทางและแขกผู้ใช้บริการโรงแรมเลย

และเมื่อใช้ Metasearch ร่วมกับฟีเจอร์ใหม่ของ Google – Search and Destinations ก็ยิ่งสะดวกต่อการค้นหาและจองห้องพักในราคาที่ดีที่สุดเข้าไปใหญ่

SiteMinder's demand plus product
ให้ SiteMinder ทำงานอย่างหนักในการขายห้องของคุณโดยตรงบน Google

การโฆษณาบน Metasearch จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่สามารถเพิ่มการมองเห็นที่พักของคุณผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งส่งผลไปถึง Brand Awareness (ลูกค้ารับรู้ตัวตนของแบรนด์), เพิ่มการจองโดยตรง และอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดในอนาคต หากใช้ในแง่ของกลยุทธ์ที่ถูกต้อง ซึ่งบล็อกของเรา จะพาคุณมารู้จักกับ Metasearch ฉบับเจาะลึก ไม่ว่าคุณจะมองหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการ Bid (การเสนอราคา) หรือ ต้องการเปลี่ยนแผนโฆษณาแบบชำระเงินให้ดีขึ้น ก็จะได้รู้กันที่นี่เลย

Table of contents

Metasearch Engine คืออะไร?

Metasearch Engine คือเครื่องมือค้นหาผลลัพธ์ตามเงื่อนไขที่ผู้ใช้กำหนด โดยการส่งข้อมูลต่อไปยัง search engine อื่น ๆ และประมวลผลออกมาเป็นลิสต์รายชื่อ ยกตัวอย่างเช่น Hotel Metasearch ก็จะมีกลุ่มเป้าหมาย คือ นักท่องเที่ยว Metasearch เองก็จะโชว์ลิสต์จากเว็บอื่น ๆ มารวมกันไว้ในหน้าเดียว เพื่อให้แสดงห้องว่า เปรียบเทียบราคาให้เห็นอย่างชัดเจน ณ เวลาปัจจุบัน

Metasearch Engine เปรียบเสมือนโอกาสดี ๆ ของบรรดาธุรกิจโรงแรม เพราะนักท่องเที่ยงสามารถค้นหาและจองโรงแรมได้ง่ายกว่า เพราะผู้ใช้งานสามารถค้นพบโรงแรมที่ใช่ ในเวลาที่ชอบ และกดจองได้พร้อม ๆ กัน ซึ่งถือเป็นการสร้างแรงกระตุ้นให้แขกตัดสินใจซื้อได้มากขึ้น และมีโอกาสยกเลิกการจองน้อยลงด้วย

อีกแง่หนึ่ง Metasearch เป็นช่องทางจองห้องพักและพื้นที่โปรโมทโรงแรม โดยผนวกการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) และช่องทางจัดจำหน่ายไว้ด้วยกัน ทางโรงแรมจึงควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อลงทุนซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Metasearch หรือ หาทางเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Metasearch ให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อการคำนวณต้นทุนที่แท้จริง (Comparative rate)

อีกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการลงโฆษณาบน Metasearch Engine คือ ทางโรงแรมสามารถ ‘เสนอราคา’ ให้โรงแรมติดอันดับดี ๆ จากคีย์เวิร์ดที่นักท่องเที่ยวค้นหาได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณเสนอราคาให้รายชื่อโรงแรมของคุณติดผลการค้นหาอันดับต้น ๆ เมื่อมีคนเสิร์ชคำว่า ‘โรงแรมภูเก็ต’ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ค่อนข้างซับซ้อน เพราะทางโรงแรมต้องมั่นใจระดับหนึ่งว่าผลตอบแทนต่อจำนวนคลิก จะคุ้มค่าต่อการลุงทุนมากน้อยแค่ไหน

และถ้าหากคีย์เวิร์ดที่เสนอราคาไว้ เป็นคำค้นหายอดฮิต ทางโรงแรมอาจจะต้องเสนอราคาที่สูงขึ้นเพื่อคงอันดับต้น ๆ ไว้เหมือนเดิม ค่อนข้างเสี่ยงพอสมควร ดังนั้น หา ‘บาลานซ์’ ของราคาและข้อเสนอที่เหมาะกับโรงแรมของให้เจอ หากคุณเสนอราคาต่ำเกินไป รายชื่อโรงแรมอาจจะติดอันดับไม่สูงพอที่คุนจะเข้าถึง แต่ถ้าคุณเสนอราคาสูงเกินไป ต้นทุนในการหาลูกค้า 1 คน อาจจะสูงเกินกว่าที่คิด สามารถศึกษาวิธีการทำงานของ Metasearch Engine เพิ่มเติมได้ในหัวข้อถัดไป

อย่างบริษัท TripAdvisor เองก็กำลังพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มค้นหาและจองโรงแรมแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะเจาะ หากโรงแรมกำลังจะเริ่มต้นลงทุนใน Metasearch

ความแตกต่างของ Metasearch Engine และ Search Engine

Search Engine ทั่วไป ที่ทุกคนรู้จักกันดี เช่น Google ทำงานด้วยการส่ง Robot หรือ Spider (คือ ชื่อโปรแกรมสำรวจและสแกนเว็บไซต์) เพื่อรวบรวมข้อมูลแต่ละเว็บไซต์ให้เพียงพอก่อนแสดงผลการค้นหา เพื่อสร้างบันทึกหรือฐานข้อมูลของเว็บไซต์นั้น ๆ ที่ผ่านการเยี่ยมชมของ Google แล้ว

ส่วน Metasearch Engine (หรือเว็บไซต์รวบรวมข้อมูล) คือ Search Engine รูปแบบหนึ่งที่ไม่ได้เก็บข้อมูลจาก Robot แต่จะรวบรวมและแสดงผลการค้นหาเป็นลิสต์รายชื่อที่ผ่านการคัดกรองจาก Search Engine แล้วนั่นเอง

ความแตกต่างของ Metasearch Engine และ OTA

เว็บไซต์จองห้องพักออนไลน์ (OTA) เป็นแพลตฟอร์มโปรโมทโรงแรมตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก พร้อมโชว์ราคาห้องพัก คำบรรยาย และรูปภาพในที่เดียว ที่สำคัญ คือ นักเดินทางสามารถจองโรงแรมโดยตรงผ่านเว็บไซต์ OTA ได้เลย

เว็บไซต์ OTA ชื่อดัง เช่น  Expedia, Booking.com, Travelocity และ Yahoo Travel เป็นต้น

สำหรับโรงแรมและที่พักขนาดเล็ก อาจจะมองว่าค่าบริการบนเว็บไซต์ OTA อาจจะเกินงบประมาณไปเสียหน่อย ซึ่งอาจทำให้โรงแรมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็จริง แต่เว็บไซต์กลุ่มนี้ ถือเป็นแพลตฟอร์มขายห้องพักออนไลน์ที่สำคัญ และยังเป็นพาร์ทเนอร์ที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้กับคุณได้ หากเปรียบเทียบกัน Metasearch Engine จะมีค่าคอมมิชชันที่โรงแรมต้องจ่ายน้อยกว่าเว็บไซต์ OTA ในขณะที่ความนิยมสูสี ช่วยประหยัดงบการตลาดได้มากกว่า

Metasearch Engine เป็น Search Engine ที่โดดเด่น เปลี่ยนการจองห้องพักที่แสนยุ่งยากให้ง่าย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งความแตกต่างเด่น ๆ ของ 2 เครื่องมือนี้ คือ ผู้ใช้งานไม่สามารถจองโรงแรมผ่าน Metasearch Engine ได้ เพราะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มรวบรวมผลลัพธ์ที่แสดงเฉพาะข้อมูลเท่านั้น แต่ผู้ใช้สามารถจองผ่านเว็บไซต์ OTA ได้ทันที

แต่เว็บไซต์ Metasearch ชั้นนำบางแห่ง ก็มีตัวเลือกให้จองผ่านแพลตฟอร์มได้เช่นกัน แต่ก็ควรคำนึงอยู่เสมอว่า OTA ยังคงมีบทบาทต่อตลาดการท่องเที่ยวออนไลน์ อย่างไรก็ตาม คนเก่งจริงเท่านั้นที่จะอยู่รอด และสามารถรับมือกับ Metasearch ที่มีการพัฒนาอยู่ทุก ๆ วัน 

สรุปแล้ว แพลตฟอร์ม Metasearch เป็นตัวช่วยที่สามารถเพิ่มยอดจองห้องพักได้มากขึ้น ด้วยรูปแบบที่สะดวกในการค้นหาสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ทางโรงแรมจะไม่ได้รับรายละเอียดติดต่อแขกโดยตรง เพราะข้อมูลถูกจัดเก็บไว้โดย Metasearch Engine นั่นเอง

การทำงานของ Metasearch Engine

Hotel Metasearch Engine ทำงานเหมือนกับ Metasearch ทั่วไป เป็นแพลตฟอร์มที่นักท่องเที่ยวสามารถเปรียบเทียบราคาห้องพัก โดยอิงจากข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น สถานที่ที่จะไป หรือ วันที่เข้าพัก เป็นต้น จากนั้น Metasearch จะประมวลข้อมูลจาก OTA และเว็บไซต์จองห้องพักอื่น ๆ ตามเงื่อนไขที่ตั้งค่าไว้ สรุปเป็นลิสต์รายชื่อในหน้าเดียว

ผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณ สามารถใช้ Metasearch ค้นหาราคาห้องพักที่พอใจจากหลาย ๆ เว็บไซต์ได้ทันที บางโรงแรม ก็มักจะรวบรวมรีวิว รูปภาพ สิ่งอำนวยความสะดวก และอาจจะมีนโยบายหารเข้าพักด้วย ผู้ใช้งานเพียงแค่คลิกลิงก์ช่องทางการจองที่สนใจเพื่อทำรายการให้สมบูรณ์ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

Metasearch รูปแบบเดิม ๆ จะเป็นการเปรียบเทียบราคาห้องพักจากหลาย ๆ เว็บไซต์ และผู้ใช้งานต้องคลิกไปยังเว็บไซต์โรงแรมหรือ OTA ที่มีข้อเสนอราคาที่ดีที่สุด เพื่อยืนยันการจองให้สมบูรณ์ที่นั่น ซึ่ง Metasearch กลุ่มนี้ มีโมเดลธุรกิจแบบ pay-per-click (PPC) หรือ จ่ายตามจำนวนยอดคลิก โดยที่ทางโรงแรมและเว็บไซต์ OTA สามารถเสนอราคาเพื่อให้ได้อันดับโฆษณาที่ดีที่สุดได้ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่โครงสร้างของ Metasearch ซึ่งเว็บไซต์จองห้องพัก จะเสนอค่าธรรมเนียมต่อคลิก ค่าธรรมเนียมต่อการแสดงผล หรือ หักเปอร์เซ็นจากรายการจองเท่าไหร่ก็ได้ แต่เว็บไซต์ที่เสนอราคาสูงสุดจะติดอันดับบนสุดในผลการค้นหา

Metasearch จะดึงราคาห้องพักจากหลาย ๆ ที่ และแสดงผลให้ผู้ใช้เห็นช่องทางจองที่พัก “ที่ดีที่สุด” สำหรับการจองโรงแรมนั้น ๆ แต่ผู้ซื้อโฆษณาสามารถจ่ายเพื่อซื้ออันดับที่ดีกว่าและเชียร์ให้ผู้ใช้จองโรงแรมผ่านแพลตฟอร์มของตัวเองได้ ซึ่งคุณอาจจะเห็นว่าฟีเจอร์นี้ เรทราคาไม่ได้ถูกที่สุด แต่ก็ยังมีอยู่ เพราะผู้ซื้อโฆษณาจ่ายเงินสูงที่สุดเพื่อตำแหน่งโปรโมทที่ดีที่สุด

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน Google และ TripAdvisor ได้พัฒนาให้ Metasearch ให้แตกต่างและดีมากขึ้น เพราะ Google และ TripAdvisor มาพร้อมข้อเสนอ ‘จองทันที’ แทนการพึ่งระบบ Pay-Per-Click หมายความว่า พวกเขาหันมาพึ่งรายได้จากค่าคอมมิชชันมากขึ้น

ข้อดีของฟีเจอร์จองทันทีบน Metasearch คือ ผู้ใช้สามารถจองห้องพักโดยไม่ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังช่องทางอื่น ๆ เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนเส้นทางบ่อย ๆ แน่นอนว่าน่าหงุดหงิดและเกิดความไม่วางใจในระบบ ซึ่งในบางกรณี อาจทำให้ผู้ใช้ทิ้งการจองในขณะที่ยังไม่สมบูรณ์และเลือกใช้ช่องทางอื่นแทน

ท้ายที่สุด การมอบประสบการณ์การจองห้องพักที่มีสเถียรภาพและไร้รอยต่อบน Metasearch จะช่วยให้ผู้มีโอกาสเป็นแขกของคุณเข้าถึงและจองห้องพักได้ง่ายขึ้น ด้วยเรทราคาที่ดีที่สุด ในวันที่พวกเขาต้องการ

โรงแรมบางแห่งกลัวการใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ เพราะกังวลเรื่องการจัดการข้อมูลแบบออฟไลน์ รวมถึงอาจมีปัญหาการจองเกินจำนวนห้องพักอีกด้วย แต่! ลองคิดดูสิว่า มีกี่ล้านคนเลือกใช้ Google และ TripAdvisor ค้นหาที่พัก! เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทั้งราคาและห้องว่างจากหลาย ๆ เว็บไซต์ (และช่วยลดความเสี่ยงการจองซ้ำซ้อน) ระบบบริหารจัดการห้องพัก สามารถช่วยคุณได้

รายชื่อ Metasearch Engine ชั้นนำมีอะไรบ้าง

รายงานจาก EyeforTravel และ Fornova สำรวจนักท่องเที่ยวในออสเตรเลีย แคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา พบว่า นักเดินทาง 44% “ใช้ Metasearch ทุกครั้ง”, 73% “ใช้เป็นประจำ” และ 94% “ใช้เป็นครั้งคราว” จะเห็นได้ว่า Metasearch Engine มีแนวโน้มการใช้เติบโตขึ้น เพราะฉะนั้น เจ้าของกิจการโรงแรมและที่พักไม่ควรมองข้ามเครื่องมือนี้เด็ดขาด

และนี่คือรายชื่อ Metasearch Engine ชั้นนำ ที่ควรพิจารณาสำหรับการโปรโมทธุรกิจโรงแรม:

  • Google Hotel Ads
  • TripAdvisor
  • HotelsCombined
  • Trivago
  • Skyscanner
  • Kayak
  • WeGo

โดยทั่วไปแล้ว เว็บไซต์อย่าง Kayak จะเสนอราคารวม (ค่าที่พัก + ค่าตั๋วเครื่องบิน) จึงไม่ค่อยเวิร์กในการลงทุนซื้อโฆษณาเพื่อให้ติดอันดับสูง ๆ

Google Hotel Ads สำคัญอย่างไร?

จากข้อมูลอ้างอิง Google Hotel Ads เป็น Metasearch Engine ที่เติบโตรวดเร็วที่สุด ถึง 64% ในตลาดเมต้า ปี 2019 ซึ่ง Google Hotel Ads เปิดโอกาสให้นักเดินทางจองโรงแรมตามจุดสำคัญต่างๆ ตลอดการวางแผนท่องเที่ยว

ไม่ว่าจะสถานที่ไหน ที่ผู้ใช้กำลังตัดสินใจเลือกห้องพัก ทาง Google จะโชว์โฆษณาของโรงแรมเพื่อช่วยประเมินราคาและตัวเลือกห้องพักให้กับพวกเขา ซึ่ง Google Hotel Ads จะแสดงข้อมูลโรงแรม เช่น ห้องว่างและราคาบน Google Maps, Search และ Assistant

ด้วยรูปแบบเว็บไซต์แบบ Sharing และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่กว้างขวาง ได้เข้ามาเปลี่ยนมุมมองการมองโลกของผู้คน มีหลายคนที่ได้ไอเดียและแรงบันดาลใจออกไปท่องโลกผ่านช่องทางออนไลน์ และพวกเขาก็เริ่มวางแผนการจองที่พักผ่าน Search Engine ที่มีประสิทธิภาพ

ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ควรตั้งเป้าให้โรงแรมของคุณติดอันดับต้น ๆ บน Google ซึ่งมี 2 วิธี ดังนี้

  • ใช้ SEO เพิ่มโอกาสติดอันดับสูง ๆ บนหน้าผลการค้นหา Search Engine
  • ใช้ Google Hotel Ads ทำการตลาด

เมื่อเวลาผ่านไป Google มีการพัฒนาระบบและหน้าผลการค้นหาโรงแรมก็เปลี่ยนไป โดยจะแสดงข้อมูลโรงแรม ดังนี้:

  • ราคา
  • ห้องว่าง
  • สถานที่
  • รีวิวจากผู้ใช้
  • คำบรรยาย
  • Google Street View
  • รูปภาพ

Hotel Ads จะช่วยให้คุณควบคุมและตั้งค่าสิ่งที่จะแสดงบนหน้าผลการค้นหาได้อย่างอิสระ หมายความว่า คุณสามารถเปลี่ยนรูปภาพโรงแรมให้ดูดีขึ้นได้ และยังสามารถสร้างทัวร์จำลองลบหน้าดิสเพลย์ของคุณได้เช่นกัน

Google เป็นเว็บไซต์ค้นหายักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลระดับโลกมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะขยายตัวเข้าชิงผู้นำบนโลกของ Metasearch สำหรับโรงแรมและการท่องเที่ยว ด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 64-80%

Google Hotel Finder สู่เครื่องมือค้นหาโรงแรมรูปแบบใหม่ Google Hotel Search

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา Google ยังคงสั่นสะเทือนโลกของตลาดการจองโรงแรมอย่างต่อเนื่อง โดยการยกเลิก Hotel Finder และเพิ่มตัวเลือกให้กับข้อเสนอ Hotel Ads แทน

เกิดอะไรขึ้น?

Search Engine ถูกเข้ามาแทนที่ Hotel Finder ทำให้ Hotel Finder ยุติลง!

เกิดขึ้นได้อย่างไร?

มองออกได้ง่าย ๆ เลยว่าทำไม Google ถึงลดความซับซ้อนของขั้นตอนการจองให้ง่ายขึ้นด้วยการยกเลิกการใช้งาน Hotel Finder เพราะ Search Engine ของ Google เป็นช่องทางที่คนใช้ค้นหาที่พักเยอะอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นที่นิยมกว่า Hotel Finder ด้วย

รูปแบบใหม่ทำงานอย่างไร?

ณ ปัจจุบัน นักเดินทางสามารถค้นหาโรงแรมผ่าน Google และ Google Maps กว่า 100 ประเทศทั่วโลก, จองโรงแรมโดยตรงผ่านอินเทอร์เฟซของ Google ซึ่งผู้ใช้งานจะเห็นราคา, รูปภาพ, รีวิว และวิวแบบพาโนรามา อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกด้วย

หลังจากที่ Google เปิดตัวการค้นหาโรงแรมรูปแบบใหม่ในเดือนตุลาคม 2018 ส่วนแบ่งการจองของ Google ก็เพิ่มขึ้นจาก 57% เป็น 67% ของการจองผ่าน Metasearch ทั้งหมด

อิทธิพลของ Google ที่มีต่อ Metasearch

การวิเคราะห์จาก Fastbooking ระบุว่า Google Hotel Ads เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เรียกว่าแซงหน้า TripAdvisor ไปแล้ว ทั้งจำนวนการคลิกเข้าใช้งาน, ปริมาณการเข้าชม และราคาต่อหนึ่งคลิก

Google ได้รับผลประโยชน์จากการที่นักเดินทางค้นหาที่พักภายใน Search Engine ของตัวเอง ยิ่งทำให้ Google แสดงราคาเปรียบเทียบให้กับผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ส่วน Metasearch Engine อื่น ๆ อย่าง Trivago ผู้ใช้ส่วนใหญ่กลับไปลงเอยที่ Google Hotel Ads แทน เพราะการทำงานร่วมกันในเครือของ Google ที่พัฒนาไปสู่การแสดงผลการค้นหาโดยตรงนั่นเอง

จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่โรงแรมที่เคยใช้ Google Hotel Ads กลับมาลงทุนซื้อโฆษณามากขึ้นในปี 2017 ถึง 10.1 เท่า แซงหน้า TripAdvisor ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว

หากเปรียบเทียบกับ Metasearch Engine อื่นๆ Google Hotel Ads ก็ยังคงเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่สุด ส่วน Metasearch Engine อื่น ๆ นั้นก็มีการพัฒนาภายในแพลตฟอร์มมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น TripAdvisor มียอดลงทุนที่สูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม Google Hotel Ads ก็ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีการเติบโตมากที่สุด

ประสิทธิผลของ Google Metasearch เพิ่มขึ้นได้จากการอัปเดตสำคัญ ๆ บทแพลตฟอร์ม เช่น:

  • การใช้งาน Google Hotel Ads

จริงแล้ว ๆ Google เริ่มต้นบนเส้นทางเครื่องมือค้นหาสำหรับการท่องเที่ยวด้วย Hotel Finder ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Google Hotel Price Ads – ซึ่งปัจจุบัน คือ Google Hotel Ads โดยมีการทำงานที่แสนง่ายดาย เพียงแค่ 2 คลิกจาก Google.com ก็สามารถเริ่มต้นการจองห้องพักได้แล้ว

  • ฟีเจอร์ตัวกรองใหม่ที่รายละเอียดมากขึ้น

เมื่อนักท่องเที่ยวเสิร์ชโรงแรม เช่น ‘โรงแรมในภูเก็ต’ ก็จะได้รับผลการค้นหา 3 รายการ เมื่อคลิกเข้าไปก็จะถูกเด้งไปที่ป๊อปเอาท์ ซึ่งเป็นหน้าที่พวกเขาสามารถเลือกตัวกรองเพื่อค้นหาโรงแรมตามความต้องการได้

ด้วยการอัปเดตใหม่นี้ ผู้ที่เดินทางไปทำธุรกิจ สามารถกรองโรงแรมที่มี Wi-Fi ฟรีในช่วงเริ่มต้นการค้นหาได้เลย ส่วนผู้ที่เดินทางเพื่อไปพักผ่อน ก็สามารถกรองเฉพาะโรงแรม Pet Friendly ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกดูโรงแรมเพิ่มเติมและดูช่วงวันที่ภายในระยะเวลาสองเดือนก่อนเข้าพักได้

ผลการค้นหาที่กรองละเอียดและเฉพาะเจาะจงแบบนี้ จะช่วยให้ยางโรงแรมถูกค้นพบบนโลกโซเชียลได้มากยิ่งขึ้นผ่านทาง Google

  • อินเตอร์เฟซสำหรับรีวิวโรงแรม

Google กำลังพัฒนาข้อมูลอย่างหนัก เพื่อให้ผู้ใช้งานค้นหาโรงแรมที่ต้องการได้ง่ายที่สุด ซึ่งอินเตอร์เฟซรีวิว มีฟีเจอร์สำคัญ ดังนี้:

  1. การรีวิวจากบุคคลที่สามจะโชว์ในรูปแบบสไลด์โพสต์สำหรับบางรายการ
  2. การรีวิวภาพรวมมีอินเทอร์เฟซที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ช่วยให้แสดงตัวตนของโรงแรมได้ดีขึ้น ยิ่งขึ้น รวมถึงมีการรีวิวตามคุณลักษณะ เช่น ที่ตั้ง หรือ สิ่งอำนวยความสะดวก
  3. การรีวิวอย่างละเอียดจะโชว์การใช้ Graphic User Interface หรือ การใช้ภาพกราฟฟิกเป็นตัวประสานกับผู้ใช้ ตามประเภทของการเดินทาง
  4. นักเดินทางสามารถใช้ตัวกรองเพื่ออ่านรีวิวจาก Google, Expedia, Booking.com และอื่น ๆ ได้ตามที่ต้องการ

Google ยังคงปรับปรุงและยกระดับแพลตฟอร์มโฆษณาสำหรับโรงแรมต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งเติบโตไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วง COVID-19 และความเปลี่ยนแปลงต่อการค้นหาตัวเลือกในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งการอัปเดตใหม่ ๆ ได้แก่:

  • โปรแกรม Pay Per Stay

หรือรู้จักกันในนาม Google Hotel Ads Commission Program และตอนนี้พาร์ทเนอร์ของ Google Hotel Ads ก็สามารถใช้งานได้ทั่วโลก แทนที่โรงแรมจะต้องจ่ายเงินต่อจำนวนคลิกหรือต่อธุรกรรม ตอนนี้ ทางโรงแรมสามารถจ่ายค่าคอมมิชชันให้กับ Google เมื่อแขกเข้าพักเรียบร้อยแล้ว หมายความว่า หากมีการยกเลิก ก็จะไม่มีการหักค่าคอมมิชชันจาก Google นั่นเอง

  • ระบบ Free Booking Links

ผู้ประกอบกิจการโรงแรมสามารถมีรายชื่อบน Google Ads ได้โดยไม่ต้องเสนอราคาบนแพลตฟอร์ม Free Booking Links จะอยู่ด้านล่างของตัวเลือก (แบบชำระเงิน) ‘Featured’

  • เปิดตัว Check-In-Date Multiplier

Google Hotel Ads มีแคมเปญให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมและเว็บไซต์ OTA สามารถปรับข้อเสนอราคา ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Multipliers ได้

การ Multipliers อาจขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาเข้าพัก, วันที่เช็คอินในแต่ละสัปดาห์, ระยะเวลาการจองล่วงหน้า, สถานที่, อุปกรณ์ หรือแม้แต่รายการ Remarketing ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ประกอบกิจการโรงแรมสามารถปรับราคาเสนอ สำหรับวันที่เจาะจงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น อีเว้นท์ในพื้นที่, ความเร็วของการรับ, อัตราการเข้าพัก และอื่นๆ

ประโยชน์ของการใช้ Google Hotel Ads

การใช้งาน Google Hotel Ads มีประโยชน์ต่อโรงแรม 3 ข้อหลัก ๆ คือ

1. เพิ่มการเข้าถึงโดยตรง
เมื่อนักท่องเที่ยวคลิกโฆษณาของคุณผ่าน Google Hotel Ads ก็จะถูกนำไปยังหน้าจองห้องพัก หากคุณมีระบบจองห้องพักออนไลน์ในตัว พวกเขาก็สามารถจองห้องพักผ่านเว็บไซต์โรงแรมโดยตรง ไม่ต้องผ่าน ‘เว็บไซต์ตัวกลาง’

2. เพิ่มรายได้
การที่แขกเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ ก็หมายถึง โรงแรมของคุณเป็นตัวเลือกที่ผ่านการคัดกรองและตอบโจทย์กับความต้องการของพวกเขา ซึ่งถ้ามองนในมุมมองของกระบวนการตัดสินใจเลือกซื้อแล้ว ถือว่ามีโอกาสในปิดการขายสูง ยิ่งถ้าคุณได้รับการจองตรงมากยิ่งขึ้น รายได้สุทธิก็จะเพิ่มมากขึ้นหากเทียบกับจองผ่านเว็บไซต์ OTA ที่มีการหักค่าคอมมิชชัน

3. สร้างความสัมพันธ์กับแขกได้
นอกจากเพิ่มโอกาสในการจองโรงแรมโดยตรงแล้ว ก็ยังสามารถลดช่องว่างจากเว็บไซต์จองห้องพักตัวกลางระหว่างคุณกับแขกได้ด้วย หมายความว่า คุณจะมีข้อมูลสถิติและการวางแผนท่องเที่ยวของแขกในมือ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณคาดการณ์และดึงดูดแขกในอนาคตได้ รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์สร้าง Brand Loyalty ให้แข็งแกร่งขึ้นได้เช่นกัน

วิธีเพิ่มการจองห้องพักและเพิ่มรายได้ด้วย Google Hotel Ads

เพิ่มอัตราการเข้าพักให้เหนือชั้นกว่าโรงแรมคู่แข่ง นี่คือสิ่งที่คุณสามารถลงมือทำได้ ดังนี้:

สมัคร Business View

Google Street View กลายเป็นความคาดหวังของผู้ใช้งานทั่วโลกให้มองเห็นภาพสถานที่จริงแบบเรียลๆ และคลายข้อสงสัยว่า ที่นั่นเป็นอย่างไร? ตรงปกหรือไม่? เรียกว่าตอบได้เกือบทุกคำถามที่พวกเขามีเลยทีเดียว

และในส่วนของเจ้าของธุรกิจ รวมถึงโรงแรมและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์จาก Google Business View โชว์ความเจ๋งของตัวเองได้เต็มที่ เช่น การตกแต่งภายในโรงแรม เป็นต้น

ถ่ายภาพและวิดีโอ ระดับมืออาชีพ
Google มีมาตรฐานของตนเองและค่อนข้างสูง คุณจำเป็นต้องมั่นใจว่ารูปภาพที่ใช้โปรโมท มีคุณภาพสูง คมชัดระดับ HD เพื่อให้ Google นำเสนอรูปภาพโรงแรมของคุณและรวมไว้ใน Google Hotel ads

รูปถ่ายควรโฟกัสชัด ๆ ผ่านแสงธรรมชาติและไม่แต่งรูปมากจนเกินไป และต้องมีขนาดอย่างน้อย 14 MP ขึ้นไป ถึงจะได้รับการพิจารณาว่า เป็นรูปภาพที่ตรงมาตรฐาน มีคุณภาพตามเกณฑ์ของ Google

โปรโมทข้อเสนอพิเศษ ส่วนลด และฟีเจอร์ที่น่าสนใจอื่นๆ

ในส่วนของข้อความในโฆษณา คุณควรเน้นหนัก ๆ ไปที่ข้อเสนอพิเศษและส่วนลด ซึ่งจะช่วยให้ที่พักของคุณโดดเด่นออกมาท่ามกลามโรงแรมอื่น ๆ แนะนำให้กล่าวถึงส่วนลก หรือ โค้ดโปรโมชันที่คุณกำลังมีแคมเปญอยู่

ถ้าหากคุณเพิ่งเพิ่มห้องใหม่ หรือ ห้องสวีทใหม่ คุณก็สามารถพรีเซนต์ลงบนโฆษณาด้วยรูปภาพตามเกณฑ์ของ Google ที่ได้กล่าวไปข้างต้น

ติดตามคู่แข่งด้วย Ad Preview Tool

Google Ad Preview Tool สามารถติดตามกระบวนการทำงานของโรงแรมคู่แข่งและตรวจสอบคุณภาพของโฆษณาคุณ ว่าทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือไม่ คุณสามารถใช้คำค้นหาที่เฉพาะเจาะจงในการตรวจสอบ Performance เพื่อให้แน่ใจว่าโฆษณาที่ลงไว้ได้รับการโปรโมทที่ดีที่สุด และดูว่าโฆษณาของคุณแสดงผลต่อนักท่องเที่ยวที่กำลังค้นหาโรงแรมอย่างไร

Google Hotel ads มีองค์ประกอบหลัก 2 ข้อ:

  • ชุด Data Feeds ที่แจ้งให้ Google ทราบเกี่ยวกับห้องพักในโรงแรมที่คุณนำเสนอ และ
  • การเสนอราคา (Bidding) ซึ่งจะมีการชี้แจงจำนวนเงินที่คุณยินดีจ่ายเพื่อให้ผู้ใช้งานไปยังหน้าการจองของคุณ

สร้างบัญชี Google My Business

คุณจำเป็นต้องยืนยันโปรไฟล์ Google My Business เพื่อใช้งานแพลตฟอร์ม Google Hotel Ads ซึ่ง Google My Business สามารถสมัครได้ฟรี สามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูลทั้งหมดและช่วยให้นักท่องเที่ยวค้นหาและเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น เป็นเครื่องมือสุดเจ๋งในการดึงดูดยอดเข้าชมโรงแรมของคุณ

ให้ความสำคัญกับ Google Reviews

สิ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะคลิกอ่านทั้งโรงแรมคุณและโรงแรมคู่แข่ง คือ รีวิว ซึ่งรีวิวจะผ่านการรวบรวมและคัดสรรจาก Google แล้วจึงแสดงต่อผู้ใช้ ดังนั้น การเช็กและจัดการรีวิวอยู่เสมอ จึงสำคัญมาก ๆ

ดูแลเรื่อง Rate Parity (การตั้งราคาขายให้เท่ากันทุกช่องทาง)

ราคาห้องพักของคุณควรมีความสอดคล้องกับราคาของคู่แข่ง ยกเว้นว่าคุณอยากให้โรงแรมคุณได้รับการแสดงผลลดลง หากราคาแตกต่างมากเกินไป จะทำให้ลูกค้าหลุดมือไปได้

Google จะไม่ปล่อยเลย หากเป็นเรื่องของความยุ่งยากในการเปิดตัวและรักษาแคมเปญที่ประสบความสำเร็จบน Google Hotel Ads ซึ่งการดำเนินการอาจจะยุ่งยากไปเสียหน่อย จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม Google จึงแนะนำให้คุณใช้งานซอฟต์แวร์ระบบจัดการ เพื่อช่วยงานด้านเทคนิคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น

ซอฟต์แวร์ระบบจัดการ ไม่เพียงแค่ช่วยงานเรื่องการใส่ข้อมูลราคาและห้องว่างเท่านั้น แต่ยังเชี่ยวชาญด้านการจัดการต่าง ๆ เพื่อให้แคมเปญโฆษณาประสบความสำเร็จ ตั้งแต่การตั้งค่าไปจนถึงรักษาผลงานและเพิ่มประสิทธิภาพเลย เป็นตัวช่วยดูแลและทำให้แคมเปญของคุณเติบโตไปในทางที่ถูกต้อง 

และนี่คือวิธีใช้งานGoogle Hotel Ads ให้ได้ประโยชน์สูงสุดและเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ เรารวบรวมเคล็ดลับ 5 ข้อที่คิดว่าน่าสนใจที่สุดมาให้คุณที่นี่แล้ว (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ Mirai)

  • นำเสนอห้องพักทุกประเภท ทุกราคา ไม่ใช่โปรโมทเพียงห้องที่ราคาถูกที่สุดเท่านั้น
  • แสดงอัตราการเข้าพักให้พร้อมและรับการมองเห็นที่เพิ่มขึ้น 30%
  • นำเสนอรูปภาพภายในห้อง
  • ปรับแต่งโลโก้โรงแรมและคำบรรยายภาพให้ดูดี
  • ให้ความสำคัญกับห้องพักและราคา ไม่เทความสำคัญไปที่ราคาเพียงอย่างเดียว

Google Hotel Search

Search Engine มีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จในการตลาดโรงแรมและการเติบโต ซึ่ง Google ก็เป็นเครื่องมือค้นหาชั้นนำในหลาย ๆ ตลาดธุรกิจ และมอบโอกาสเพิ่มการมองเห็นโรงแรมดี ๆ ให้กับผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นแขกของโรงแรมนั้น ๆ

หลังจากเลิกใช้ Hotel Finder ไปแล้ว ทาง Google ก็มีปรับใช้เครื่องมือค้นหารูปแบบใหม่ และอัปเดตอินเทอร์เฟซหลายอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว

และนี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น:

  • อินเทอร์เฟซการค้นหาแบบสแตนด์อโลนและการอัปเดต Google Maps view 
  • ผลการค้นหาส่วนบุคคล – ติดตามผ่านบัญชี Gmail
  • ติดตามราคาและเข้าถึงข้อเสนอที่ดีที่สุดอย่างง่ายดาย
  • ข้อเสนอพิเศษเฉพาะการใช้งานบนมือถือ
  • แสดงผลอย่างรวดเร็ว ทั้งคำบรรยายคุณสมบัติ รูปภาพ รีวิว รวมไว้ในมุมมองภาพรวมหน้าเดียว
  • สามารถเข้าถึง Community การท่องเที่ยวเพื่อถามคำถามได้
  • คำบรรยายที่สั้น แต่กระชับ และให้ข้อมูลจำเป็นครบถ้วน
  • มีรีวิวที่เชื่อถือได้จำนวนมาก
  • สามารถดูห้องว่างทั้งหมดได้
  • ข้อมูลเชิงลึกด้านราคา
  • สถานที่ท่องเที่ยวใกล้ที่พัก, ป้ายรถเมล์, สนามบิน

ก่อนที่คุณจะลงทุนใน Google Hotel Ads คุณควรเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหาของโรงแรม ซึ่งเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการสร้างโปรไฟล์ธุรกิจของคุณ

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า Google My Business คือเครื่องมือฟรี ที่คุณสามารถสร้างโปรไฟล์ได้ นับว่าเป็นก้าวแรกที่ดีที่สุดในการเพิ่มอันดับผลการค้นหาและให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อนักท่องเที่ยวได้อย่างดี Google My Business ช่วยเพิ่มการเข้าถึงได้มากขึ้นในทันที โดยผู้ใช้งานสามารถคลิก “เยี่ยมชมเว็บไซต์” หรือ “โทร” ได้ง่าย ๆ จากผลการค้นหาของ Google โดยตรง

Google My Business ยังสามารถช่วยจัดการข้อมูลให้เป็นระเบียบ อ่านง่าย บนเทมเพลต ซึ่งช่วยให้ทั้งคุณและลูกค้า ไม่พลาดประเด็นสำคัญ และยังสนับสนุนให้แขกจองห้องพักผ่านเว็บไซต์โรงแรมของคุณโดยตรงแทนการจองผ่าน OTA

และนี่คือประโยชน์ที่ทางโรงแรมจะได้รับจาก Google My Business:

  • ลิสต์ชื่อโรงแรม ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์
  • ได้รับการปักหมุดบน Google maps เพื่อนำเสนอที่พักของคุณ
  • นำเสนอรูปภาพเด่น ๆ ที่อยากให้แขกเห็นได้
  • มีรีวิวจากผู้ใช้งานจริง
  • เพิ่มรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ข้อมูลที่นักท่องเที่ยงต้องการได้

และการแก้ไขข้อมูลก็ง่ายมาก ๆ หากคุณยืนยันบัญชีธุรกิจผ่านบัญชี Google เรียบร้อยแล้ว หมายวามว่า ต่อให้คุณไม่ได้เข้าออฟฟิศ ก็สามารถจัดการรายการของคุณและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดอันดับได้

เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจของคุณมีประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องอัปเดตรายละเอียดให้เป็นปัจจุบันและถูกต้องเสมอ ทางที่ดีควรพิจารณาเพิ่มวิดีโอในคลังภาพ และควรมีรีวิวอย่างน้อย 5 รีวิวจากแขกผู้ใช้บริการจริง

ทริค SEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโรงแรมของคุณ

ความประทับใจแรกสำคัญเสมอ หากคุณสร้างกลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการลิสต์รายชื่อบน Google และเว็บไซต์โรงแรมที่น่ามอง คุณมีแนวโน้มที่จะได้รับการจองตั้งแต่ครั้งแรกเลยล่ะ!

และที่คือไกด์ไลน์ SEO สำหรับโรงแรมที่สำคัญ:

  • หา คีย์เวิร์ด และกำหนดลิสต์ของตัวเอง จากนั้นใช้คำที่เกี่ยวข้องและเสิร์ชหาง่าย ๆ บนเว็บไซต์และเนื้อหาของคุณ
  • คอนเทนต์คุณภาพสูง จะติดอันดับสูง ๆ บนเครื่องมือค้นหาเสมอ เพราะฉะนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาของคุณน่าสนใจและทำให้แขกรู้สึกมีส่วนร่วม และอย่าลืมอัปเดตเนื้อหาใหม่ ๆ บนบล็อกเป็นประจำด้วย
  • สร้าง Cornerstone Content โดยการรวมบล็อกที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่เดียวกัน – ไม่อย่างนั้น อาจจะเสี่ยงสร้างความสับสนให้กับ Google จัดอันดับ URL ผันผวน และคุณจะไม่ติดอันดับสูงในผลการค้นหา
  • เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์สำหรับ Mobile User เพื่อเพิ่มการมองเห็นและช่วยให้คุณรับการจองผ่านมือถือได้ ตอบโจทย์ผู้ที่ชอบวางแผนการท่องเที่ยวขณะยุ่ง ๆ หรือไม่ได้อยู่หน้าคอม
  • พาร์ทเนอร์กับเว็บไซต์ท้องถิ่นเพื่อเพิ่มลิงก์เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ ยิ่งมากยิ่งดี ทั้งในแง่ของ Traffic และการจัดอันดับบน Search Engine เลย
  • ให้ความสำคัญกับ Visual Content (คอนเทนต์รูปภาพและวิดีโอ) เพราะคงไม่มีใครจองห้องพักโดยไม่เคยเห็นรูปสถานที่ก่อน จริงไหม?

 

ทริคการใช้ Hotel Metasearch Engine

5 คำแนะนำสำหรับการเพิ่มยอดจองห้องพักผ่าน Metasearch Engine:

1.เลือก Metasearch สำหรับโรงแรม

โรงแรมควรมีจุดยืนในการโฆษณาในกลุ่มให้บริการที่พัก หมายความว่า คุณควรโฟกัสไปที่เว็บรวบรวมข้อมูล ‘สำหรับที่พักเท่านั้น’ เช่น Google Hotel Ads ร่วมกับเว็บโฆษณาห้องพักอย่าง Kayak
 

ทำให้แพลตฟอร์ม Hotel Metasearch คุณภาพสูง สามารถประเมินความต้องการของทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมได้อย่างต่อเนื่อง และมอบประสบการณ์ที่ดีและสะดวกสบายแก่ทั้งสองฝ่าย

2.ดูแลราคาห้องพักให้ถูกต้องอยู่เสมอ
บางเว็บไซต์ อย่าง Google ให้ความสำคัญกับ Rate Parity มาก ๆ ไม่ควรสร้างความผันผวน เช่น ตั้งราคาให้ขึ้น ๆ ลง ๆ ราคาไม่เท่ากันในบางแพลตฟอร์ม เพื่อให้ Metasearch ดึงข้อมูลปัจจุบันไปใช้อย่างถูกต้อง ความผันผวนจะส่งผลต่อ Performance และลูกค้าจะเลือกคลิกจองห้องพักในราคาที่ต่ำที่สุด

ก่อนเริ่มโฆษณาที่พักลงบน Google Hotel Ads ลองถามตัวเองดูว่า…

ราคาในผลการค้นหาตรงกับราคาที่แสดงบนระบบจองห้องพักของเว็บไซต์โรงแรมหรือไม่?

ราคาห้องพักของคุณกับคู่แข่งและราคาอื่น ๆ ที่แสดงบน OTA ในวันเดียวกันได้อย่างไร? เพราะราคาควรจะไล่เลี่ยกันในแง่ของการแข่งขันทางการตลาด

3.ใช้ระบบ PMS หรือ CRS ที่เชื่อถือได้

ระบบจัดการโรงแรม (PMS) หรือ ระบบจองห้องพัก (CRS) ที่ดี จะไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับ Metasearch ชั้นนำเท่านั้น แต่ยังช่วยติดตามผลประกอบการในแง่สถิติให้กับโรงแรมของคุณด้วย


ศึกษาว่าช่องทางไหนสร้างรายได้ที่ดีที่สุดให้กับคุณ และช่องทางไหนทำให้คุณเสียเงินอย่างไม่คุ้มค่า

4. หาแนวทางการใช้ Metasearch ให้เข้ากับโรงแรมคุณ
การติดอันดับสูง ๆ บน Metasearch คือ เว็บไซต์ที่มีการคลิกเข้าชมมากที่สุด ซึ่งการติดท็อปผลการค้นหาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะเสนอราคาสูงกว่าเว็บไซต์ OTAs ดังนั้น คุณสามารถลอง Bid ด้วยเรทที่ต่ำกว่าดูได้ – อย่างไรก็ตาม หากต้นทุนต่อคลิก (CPC) ต่ำเกินไป คุณก็ไม่สามารถสู้ได้จริง ๆ วิธีที่ดีที่สุดคือการทดสอบการใช้งานระยะยาว ว่าอะไรเวิร์กหรือไม่เวิร์ก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอัตราการเข้าพักของคุณ ลองคำนวณต้นทุนต่อคลิกโดยกำหนดงบประมาณให้ชัดเจน และดูว่าราคาเท่าไหร่ทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จมากที่สุด อย่าลืมประเมินราคาว่า สามารถใช้กับโรงแรมของคุณได้อย่างยั่งยืนหรือไม่

6. ต่างกลยุทธ์ ต่างแพลตฟอร์ม
Metasearch Engine ไม่ได้ทำงานแบบเดียวกันทั้งหมด และหากใช้กลยุทธ์เดียวกันในหลาย ๆ แพลตฟอร์ม อาจนำไปสู่ความล้มเหลวได้

ยกตัวอย่างเช่น TripAdvisor มียอดเข้าชมจำนวนมาก แต่ผู้เยี่ยมชมอาจไม่มีความตั้งใจชัดเจนในการจองห้องพักโรงแรม คุณอาจได้รับคลิกจำนวนมาก แต่มีอัตราการเข้าพักต่ำ ดังนั้น อาจต้องตั้งราคาต่อคลิกให้ต่ำลง และทดลองจนกว่าคุณจะพอใจ

ในทางกลับกัน Google Hotel Ads เป็นที่รู้กันว่า เปลี่ยนยอดคลิกเป็นยอดจองจริงได้ดีกว่ามาก แต่ราคาแพงกว่า หากนี่คือกลยุทธ์ต้องการ คุณอาจต้องรับมือด้วยการจัดงบประมาณอย่างรอบคอบและคอยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานไปเรื่อย ๆ

บทสรุป

  • Metasearch Engine คือเครื่องมือส่งชุดคำสั่งของผู้ใช้งานไปยัง Search Engine และเว็บไซต์รวบรวมต่าง ๆ จากนั้น แสดงผลการค้นหาเป็นลิสต์รายชื่อในหน้าเดียว
  • ช่องทางการขายออนไลน์เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง มีอิทธิพลเหนือกว่าโฆษณาแบบเดิม ๆ
  • Metasearch ได้รับความสนใจจากเว็บไซต์ OTA ในขณะที่มีการสร้างและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่าง Metasearch รายใหญ่ ที่นิยม ได้แก่ Google Hotel Ads, TripAdvisor, HotelsCombined, Trivago, Skyscanner, Kayak
  • Metasearch กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการโรงแรมด้วยวัตถุประสงค์ที่เป็นกลาง
  • Google และ TripAdvisor มีข้อเสนอ ‘จองทันที’ สร้างความโดดเด่นเพื่อไม่ให้เป็นเพียงแพลตฟอร์มโฆษณาธรรมดา โดยเน้นหนักไปที่ค่าคอมมิชชันแบบ Pay Per Stay หรือ จ่ายค่าคอมเมื่อแขกเข้าพักจริงเรียบร้อยแล้ว
  • โฆษณาบน Metasearch ใช้โมเดล Pay-Per-Click เป็นส่วนใหญ่ หมายความว่าโรงแรมจะจ่ายเฉพาะโฆษณาให้กับแพลตฟอร์ม Metasearch เมื่อมีคนคลิกโฆษณาเท่านั้น บางโมเดลมีการจ่ายต่อการแสดงผล (Pay-Per-Impression) ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่กำหนดล่วงหน้าต่อจำนวนการแสดงผล
  • Metasearch จะสร้างตลาดที่เป็นกลางและโปร่งใสสำหรับโรงแรมอิสระ OTA และเครือข่ายต่างๆ ด้วยโมเดลต้นทุนต่อคลิก (CPC) หรือจ่ายต่อคลิก (PPC) เพื่อขยายธุรกิจและเชื่อมต่อกับนักท่องเที่ยวหลายล้านคนที่จองโรงแรมผ่านทางออนไลน์
  • สิ่งสำคัญ คือ การเลือกเครื่องมือ Metasearch ที่เหมาะสม, จัดการราคาห้องพักให้ตรงกัน, ใช้ระบบ PMS หรือ CRS ที่มีประสิทธิภาพ, คอยปรับแต่งแนวทางให้เข้ากับตัวเองทีละเล็กทีละน้อย, และเลือกใช้กลยุทธ์ที่ต่างกันในแต่ละเว็บไซต์
  • Google Hotel Ads ช่วยมอบโอกาสดี ๆ และความสะดวกสบายให้นักท่องเที่ยวเลือกจองโรงแรมตามจุดสำคัญต่างๆ ตลอดการค้นหาข้อมูล โดยแสดงข้อมูลโรงแรม เช่น ห้องว่างและราคา
  • Google Hotel Ads มี 2 องค์ประกอบหลัก 2 คือ ข้อมูลห้องพักในโรงแรม และการเสนอราคา (Bidding) ที่คุณยินดีจ่ายเพื่อให้ผู้ใช้ไปที่หน้าการจองของคุณ
  • ประโยชน์จาก Google Hotel Ads มี 3 ข้อ คือ เพิ่มยอดเข้าชม เพิ่มรายได้ และ ลดช่องว่างและสร้างสัมพันธ์กับแขกได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

By Dean Elphick

ดีนคือผู้เชี่ยวชาญการตลาดเนื้อหาซีเนียร์ของ SiteMinder, ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำที่ส่งผลกำไรที่ไม่เคยมีให้แก่เจ้าของโรงแรม. ดีนมีความสนใจในการเขียนและสร้างเนื้อหามาเป็นที่รักในชีวิตอาชีพของเขาทั้งหมด, ซึ่งรวมถึงมากกว่าหกปีที่ SiteMinder. ผ่านทางเนื้อหา, ดีนมีเป้าหมายที่จะให้การศึกษา, แรงบันดาลใจ, ความช่วยเหลือ และค่าความพิเศษให้แก่ธุรกิจที่ให้บริการที่ต้องการปรับปรุงวิธีการทำงานและบรรลุเป้าหมายของพวกเขา.

 

Thanks for sharing

Sign up to our blog and receive regular updates on the content you're into

Send this to a friend