Skip to main content

การบริหารห้องพักโรงแรมแบบเข้าใจง่ายสำหรับธุรกิจโรงแรมในปัจจุบัน

  โพสต์ใน การกระจายธุรกิจโรงแรม   ปรับปรุงล่าสุด 10/12/2024

การบริหารห้องพักโรงแรมคืออะไร?

การบริหารห้องพักที่มีประสิทธิภาพนั้นคือการวางแผนทั้งเรื่องการกระตุ้นยอดจองและการบริหารความต้องการจองของลูกค้าให้สมดุล เพื่อสร้างรายได้ให้ได้มากที่สุด เงินลงทุนของโรงแรมส่วนใหญ่แปรผันตรงกับห้องพัก และผลตอบแทนจะได้มาก็ต่อเมื่อขายห้องพักได้ในราคาที่เหมาะสม สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาในการบริหารห้องพักคือ การตั้งราคา ช่องทางการขาย และการแบ่งกลุ่มตลาด

ในแต่ละวัน คุณอาจต้องจัดการเรื่องโปรโมชันล่าสุดและการสื่อสารการตลาด วิเคราะห์ยอดขายและอัตราการเข้าพัก ดูแลความคาดหวังของแขกและรีวิวออนไลน์ ควบคุมดูแลงานซ่อมบำรุงและปรับปรุงห้องพัก และนี่ยังไม่นับรวมการบริหารจัดการพนักงานโรงแรมเลย

ทุกอย่างนี้ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณบริหารห้องพัก และในยุคที่การจองมีการแข่งขันสูงและโปร่งใสมากขึ้นแบบนี้ งานบริหารห้องพักก็ยิ่งต้องใส่ใจและท้าทายมากขึ้นไปอีก

สารบัญ

การบริหารและการกระจายห้องพักในธุรกิจโรงแรม

การบริหารจัดการห้องพักเป็นหัวข้อใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งการทำความเข้าใจ การมองภาพรวม และการควบคุมจำนวนห้องพักที่เปิดให้จองในโรงแรมของคุณ

เมื่อวิเคราะห์จำนวนห้องพักและราคาอย่างสม่ำเสมอ คุณสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ล่วงหน้าตามช่วงที่มีแขกเยอะและช่วงโลว์ซีซั่น โดยในช่วงไฮซีซั่นคุณสามารถเลือกรับการจองที่ให้กำไรสูงสุด ส่วนในช่วงที่แขกน้อย คุณก็สามารถใช้ส่วนลดและโปรโมชันต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดจองและเพิ่มอัตราการเข้าพัก นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า “การปรับราคาแบบไดนามิก” ซึ่งมีข้อดีคือ ช่วยให้การบริหารรายได้ง่ายขึ้น โรงแรมสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เร็วและยืดหยุ่นกว่า รวมถึงรักษามาตรฐานราคาได้ดีขึ้น การบริหารห้องพักยังช่วยให้คุณตั้งราคาเทียบกับคู่แข่งได้ ซึ่งสำคัญมากในยุคที่ OTA ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมต้องแข่งขันกันอย่างเท่าเทียมผ่านราคาที่โปร่งใส

ผู้ประกอบการโรงแรมจำเป็นต้องสร้างกลยุทธ์การกระจายห้องพักที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

มาดูวิธีปรับปรุงกลยุทธ์การกระจายห้องพักของโรงแรมคุณกัน:

เก็บและใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์
ไม่ว่ากลยุทธ์การกระจายห้องพักของคุณจะดีแค่ไหน ก็ต้องยอมรับว่ายังมีจุดที่ทำให้ดีกว่าเดิมได้เสมอ วิธีที่ดีที่สุดในการยกระดับกลยุทธ์คือ การเก็บข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจแขกและพาร์ทเนอร์ช่องทางการขายให้ดียิ่งขึ้น

การเก็บข้อมูลจะช่วยให้คุณรู้ว่าช่องทางไหนสร้างรายได้มากที่สุด และทำผลงานดีในช่วงไหน อย่าลืมดูรายงานสม่ำเสมอ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทันกับข้อมูลล่าสุดที่แม่นยำที่สุด

เลือกพาร์ทเนอร์ช่องทางการขายให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ช่องทางการขายแต่ละที่จะเข้าถึงลูกค้าคนละกลุ่ม ดังนั้นการเลือกจับมือกับพาร์ทเนอร์ที่เหมาะกับที่พักของคุณจึงสำคัญมาก เช่น ถ้าโรงแรมคุณเน้นลูกค้าจีนที่ชอบประสบการณ์หรูๆ คุณก็ควรหา OTA ที่เจาะกลุ่มลูกค้าแบบนี้โดยเฉพาะ

เพิ่มโอกาสการจองตรง
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเริ่มหาข้อมูลจากช่องทางใหญ่ๆ อย่าง OTA พวกเขาอาจเจอโรงแรมคุณในผลการค้นหาของ OTA แล้วเข้ามาดูเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของคุณเพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมเพิ่มเติม ในจังหวะสำคัญแบบนี้ ต้องทำให้แขกรู้ว่าพวกเขาสามารถจองกับคุณโดยตรงได้

ทำให้การจองออนไลน์บนเว็บไซต์ง่ายที่สุด และวางปุ่มจองให้เด่นชัด รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์การจองในโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมด้วย

ใช้การตลาดของ OTA ให้เป็นประโยชน์
อย่างที่รู้กันคือ OTA มีงบการตลาดมากกว่าคุณ ใช้ข้อนี้ให้เป็นประโยชน์ ปล่อยให้เขาช่วยโปรโมทที่พักคุณ ใช้งบการตลาดของทาง OTA ให้คุ้มค่าเพื่อเพิ่มยอดจอง โดยที่คุณไม่ต้องเพิ่มงบการตลาดเอง

บริหารห้องพักง่ายขึ้น รายได้มากขึ้น

ถ้าคุณสามารถเพิ่มรายได้ให้โรงแรม พร้อมๆ กับลดภาระการบริหารห้องพักล่ะ? แพลตฟอร์มอัจฉริยะของเราช่วยคุณทำแบบนั้นได้

Learn more

วิธีบริหารจำนวนห้องพักให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เหตุผลที่โรงแรมของคุณจำเป็นต้องมีแผนบริหารห้องพักแบบครบวงจร:

ช่วยพัฒนากลยุทธ์การขายห้องพักผ่านช่องทางต่างๆ
แผนบริหารห้องพักที่ดีจะช่วยให้คุณรู้ว่าควรใช้ช่องทางการขายไหนบ้าง เพื่อให้ได้ยอดจองสูงสุดในแต่ละช่วงเวลา และยังช่วยควบคุมต้นทุนการขายไปพร้อมกัน

ตัวอย่างเช่น แผนของคุณควรระบุได้ว่าช่วงไหนของปีที่ควรใช้ OTA ในการขายห้องจำนวนมาก แม้ว่าการจองผ่าน OTA จะมีค่าคอมมิชชั่นสูงกว่าการจองตรง แต่บางช่วงก็จำเป็นต้องใช้เพื่อให้ขายห้องได้เยอะที่สุด เมื่อมีแผนที่ดี คุณจะเลือกได้ว่าควรร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ไหน และใช้ช่องทางการขายอะไรบ้าง

ช่วยให้คาดการณ์แนวโน้มได้แม่นยำ
แผนบริหารห้องพักแบบครบวงจรจะช่วยให้คุณคาดการณ์ได้ว่าช่วงไหนห้องจะขายดี และควรปรับราคายังไงในช่วงไฮซีซั่น

นอกเหนือจากการวิเคราะห์ว่าจะมีลูกค้ามากน้อยแค่ไหนในแต่ละช่วง แผนที่ดีต้องอธิบายสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ด้วย โดยใช้ข้อมูลจริงที่เชื่อถือได้ คุณควรทุ่มเทกับการเก็บข้อมูล เพื่อสร้างแผนที่แม่นยำในการคาดการณ์ว่าจะมีลูกค้ามากน้อยแค่ไหนในอนาคต

ท้ายที่สุด การคาดการณ์ที่แม่นจะช่วยให้คุณบริหารจำนวนห้องพักและรายได้ให้สมดุลกัน เพื่อให้ได้กำไรสูงสุดจากทุกการจอง

แบ่งกลุ่มตลาดเป้าหมายได้ชัดเจน
เราทราบดีว่าไม่ใช่ทุกห้องจะเหมาะกับทุกคน การมีแผนบริหารห้องพักที่ดีจะช่วยให้แบ่งกลุ่มลูกค้าได้ดีขึ้น เช่น ห้องสวีทหรูชั้นบนสุดของโรงแรมอาจไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับลูกค้าทุกกลุ่มที่คุณขาย

สิ่งสำคัญคือ แผนบริหารห้องพักต้องตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง อายุเท่าไหร่ มาจากไหน หรือมีงบประมาณมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้สามารถแนะนำห้องที่เหมาะกับแต่ละคนได้ การแบ่งกลุ่มแบบนี้จะช่วยให้คุณขายห้องได้มากที่สุดในทุกระดับราคา ณ ช่วงเวลานั้นๆ

คำแนะนำเรื่องการบริหารห้องพักโรงแรมสำหรับผู้ประกอบการ

ห้องพักคือสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของโรงแรมและเป็นส่วนใหญ่ของเงินลงทุน

เงินลงทุนนี้จะยังไม่กลับมาจนกว่าจะขายห้องได้ ทำให้การบริหารห้องพักที่มีประสิทธิภาพเป็นงานสำคัญ ไม่ใช่แค่ทฤษฎีอีกต่อไป โรงแรมที่เชี่ยวชาญการบริหารห้องพักมีผลกำไรที่สูงต่อเนื่อง อย่างเช่น Marriott ที่สามารถเพิ่มรายได้ประจำปีได้ถึง 200 ล้านดอลลาร์ เมื่อเริ่มใช้กลยุทธ์การบริหารห้องพักเข้ามาจัดการ

สร้างกลยุทธ์ที่สมดุล
การเก็บ ติดตาม และโปรโมทห้องพักผ่านหลายช่องทางการจองนั้นต้องใช้ทั้งเวลาและเงิน เพราะถ้าบริหารห้องพักผิดพลาด อาจส่งผลเสียต่อรายได้อย่างมาก โรงแรมต้องคอยติดตามข้อมูลและนำผลวิเคราะห์มาใช้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารห้องพัก เทคโนโลยีจะช่วยให้คุณใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างกลยุทธ์ที่สมดุล ซึ่งรวมถึง:

  • ระยะเวลาการจองล่วงหน้า
    เพื่อให้ขายได้มากที่สุด คุณต้องรู้ว่าการขายห้องผ่านแต่ละช่องทางใช้เวลาเท่าไหร่ ปัจจุบันแขกมีแนวโน้มจองล่วงหน้าสั้นลงเรื่อยๆ ทำให้คาดการณ์ยอดจองได้ยากขึ้น โรงแรมจึงต้องเข้าใจให้ดีว่าพฤติกรรมการจองและเทรนด์ต่างๆ ส่งผลอย่างไรต่อช่วงเวลาตั้งแต่ลูกค้าเริ่มหาข้อมูลจนถึงตัดสินใจจอง
  • การกระจายห้องพัก
    คุณต้องขายห้องขั้นต่ำกี่ห้องผ่านแต่ละช่องทางเพื่อรักษายอดขายที่มีประสิทธิภาพ? การเข้าใจจำนวนห้องขั้นต่ำที่ต้องขาย (ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน) ผ่านช่องทางต่างๆ (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) จะช่วยให้คุณจัดการห้องที่ถูกยกเลิกได้ และสำคัญกว่านั้นคือ ตัดสินใจได้ว่าจะใช้ห้องที่เหลือสำหรับโปรโมชันและปรับราคาตามแต่ละซีซั่นอย่างไร เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด กลยุทธ์การบริหารห้องพักต้องทำงานควบคู่ไปกับกลยุทธ์การขายและการตลาด
  • การบริหารจัดการยอดจอง
    การติดตามสถานการณ์การจองและเทรนด์การขายผ่านระบบจัดการช่องทางการขายหรือระบบรายงานภายใน ช่วยให้คุณบริหารห้องพัก จัดโปรโมชัน และจัดสรรห้องใหม่ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้รู้สถานะห้องว่างได้ตลอดเวลา ดังนั้น การมีแหล่งข้อมูลรวมอยู่ที่เดียวสำหรับพนักงานทุกคนจึงสำคัญมาก เพื่อให้ทุกคนรู้สถานะห้องพักปัจจุบัน ราคาที่ควรเสนอขาย และส่วนลดหรือโปรโมชันที่สามารถให้ได้ การรวมศูนย์นี้สำคัญมากโดยเฉพาะกับโรงแรมที่รับจองทางโทรศัพท์และแขก walk-in จำนวนมาก หรือมีคอลเซ็นเตอร์หรือระบบจองส่วนกลาง
  • มองภาพรวม
    คุณต้องมองการบริหารห้องพักแบบองค์รวม: มันไม่ได้แยกขาดจากกลยุทธ์การบริหาร การขาย และการตลาดอื่นๆ เมื่อมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมช่วยบูรณาการฟังก์ชันต่างๆ คุณจะไม่เพียงแค่เก็บข้อมูลที่ถูกต้องและวิเคราะห์อย่างมีความหมายเท่านั้น แต่ยังใช้ขับเคลื่อนแคมเปญการตลาดผ่านช่องทางการขายต่างๆ และสร้างผลตอบแทนสูงสุดจากห้องพักของคุณได้ด้วย

ทำความเข้าใจเรื่องห้องพักที่ต้องลดราคาขาย

ห้องพักที่ต้องลดราคาขาย คือ ห้องที่คาดว่าจะขายในราคาเต็มไม่ได้ สาเหตุมีหลายอย่าง แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือการยกเลิกการจองกระทันหัน ใกล้วันเข้าพัก

สำหรับห้องพักเหล่านี้ โรงแรมมักจะลดราคาลงอย่างมาก เพื่อดึงดูดให้คนจองนาทีสุดท้าย ดีกว่าปล่อยห้องว่าง เพราะห้องว่างไม่ก่อให้เกิดรายได้เลย

นอกจากนี้ โรงแรมที่เต็มทุกห้องยังดีต่อธุรกิจในแง่อื่นๆ ด้วย เพราะสร้างภาพลักษณ์ว่าโรงแรมได้รับความนิยมสูง ช่วยเสริมชื่อเสียงของโรงแรม

ที่สำคัญ เมื่อแขกเข้าพัก พวกเขาไม่ได้จ่ายแค่ค่าห้องอย่างเดียว แต่ยังสร้างรายได้จากบริการอาหาร กิจกรรมอื่นๆ และบริการอื่นๆ ในโรงแรม บางครั้งส่วนลดที่ให้ไปกับห้องพักอาจได้กลับคืนมาจากการใช้จ่ายเพิ่มเติมของแขกที่จองนาทีสุดท้ายนี้

ทำไมโรงแรมของคุณต้องใช้ระบบรวมห้องพัก

ระบบรวมห้องพัก คือการที่คุณสามารถนำห้องทั้งหมดไปขายพร้อมกันในทุกช่องทาง แทนที่จะต้องแบ่งจำนวนห้องไปให้แต่ละช่องทางการขาย

ระบบนี้ทำได้โดยใช้โปรแกรมจัดการช่องทางขาย (Channel Manager) ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาห้องถูกจองซ้ำหรือจองเกิน

ถ้าโรงแรมไม่ใช้ Channel Manager จะต้องแบ่งห้องไปให้แต่ละช่องทางขายออนไลน์ เช่น ถ้าโรงแรมมี 100 ห้อง และทำงานกับ OTA 10 ที่ ก็ต้องให้ห้องที่ละ 10 ห้อง นี่คือในทฤษฎี แต่ในความเป็นจริง โรงแรมมักจะให้ห้องกับ OTA รายใหญ่มากกว่า ทำให้รายเล็กได้น้อยกว่า 10 ห้อง

โรงแรมต้องคอยติดตามและสับเปลี่ยนห้องพักตลอดเวลา และมีความเสี่ยงที่จะพลาดการจองจาก OTA รายเล็ก ซึ่งแม้จะเล็กแต่ก็มีคุณค่า

การให้ห้องพักทั้งหมดกับทุก OTA พร้อมกัน – ซึ่งคือการใช้ระบบรวมห้องพัก – จะช่วยให้โรงแรมของคุณติดอันดับต้นๆ ในการค้นหาบน OTA ส่วนใหญ่

เมื่อใช้ระบบรวมห้องพัก คุณสามารถเพิ่มช่องทางขายออนไลน์ได้ไม่จำกัด การขยายช่องทางจะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดและกลุ่มลูกค้าเฉพาะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดจอง เมื่อมีแผนการตลาดที่ดี ทั้งการดูแลลูกค้าให้ประทับใจและการทำรีมาร์เก็ตติ้ง ก็สามารถดึงลูกค้าที่เคยจองผ่าน OTA ให้หันมาจองกับโรงแรมโดยตรงได้

ซอฟต์แวร์บริหารห้องพักโรงแรม

เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนวางแผน จอง และท่องเที่ยว – และโรงแรมก็สามารถใช้เทคโนโลยีรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ เช่นเดียวกับที่เทคโนโลยีช่วยให้นักท่องเที่ยวเปรียบเทียบตัวเลือกออนไลน์และจองที่พักได้สะดวก โรงแรมก็สามารถใช้เทคโนโลยีลดขั้นตอนที่ต้องทำด้วยมือในงานประจำวัน

ตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานคือเรื่องการจองนาทีสุดท้าย

เราทราบกันดีว่ามือถือกำลังเปลี่ยนทุกอย่าง มากกว่าครึ่งของประชากรโลกมีมือถือใช้ นั่นหมายความว่ามีแขกจำนวนมากจองโรงแรมผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต และที่สำคัญคือพวกเขามักจองกันนาทีสุดท้ายมากขึ้น

เทรนด์นี้เป็นโอกาสใหญ่สำหรับโรงแรมในการขายห้องสุดท้ายจนถึงนาทีสุดท้าย แต่มีเพียงโรงแรมที่ใช้โปรแกรมจัดการช่องทางขายที่ดีเท่านั้นที่จะคว้าโอกาสนี้ได้

สุดท้ายแล้ว โรงแรมของคุณต้องการระบบเชื่อมต่อเดียวที่จะช่วยจัดการทุกอย่างให้เป็นระเบียบ การเชื่อมต่อแบบสองทางกับเว็บไซต์จองต่างๆ เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ข้อมูลอัพเดทอย่างถูกต้องแม่นยำระหว่างทุกช่องทาง

ระบบนี้ช่วยเพิ่มรายได้และลดการสูญเสีย โดยทำให้ห้องพักทั้งหมดพร้อมขายในทุกช่องทาง จนถึงนาทีสุดท้าย เมื่อมีการจอง โปรแกรมจัดการช่องทางขายจะอัพเดทสถานะห้องในทุกช่องทางโดยอัตโนมัติ คุณสามารถเปลี่ยนราคาห้องพักในทุกช่องทางได้พร้อมกัน โดยไม่ต้องเข้าไปแก้ทีละเว็บไซต์

ระบบที่ช่วยในการบริหารห้องพักมีหลายอย่าง:

  • ระบบจัดการโรงแรม (PMS)
  • ระบบขายหน้าร้าน (POS)
  • ระบบบริหารรายได้ (RMS)
  • ระบบจัดการช่องทางขาย (CMS)
  • ระบบจองส่วนกลาง (CRS) และระบบจองของโรงแรม (HRS)
  • ระบบกระจายการขายทั่วโลก (GDS)
  • ระบบจองออนไลน์ (IBE)

การเลือกซอฟต์แวร์บริหารห้องพักให้เหมาะกับโรงแรมคุณ

เนื่องจากโปรแกรมจัดการช่องทางขายเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุด การเลือกให้เหมาะสมจึงสำคัญมาก เพราะแต่ละโปรแกรมมีฟีเจอร์ไม่เหมือนกัน

การเลือกโปรแกรมจัดการช่องทางขายที่ดีจะช่วยให้คุณ:

  • ขายห้องพักได้เร็วขึ้น
  • ลดการทำงานด้วยมือ ด้วยระบบอัตโนมัติแบบเรียลไทม์
  • นำห้องทั้งหมดขายออนไลน์พร้อมกันเพื่อเพิ่มรายได้
  • เข้าใจรายงานเชิงลึกเพื่อวิเคราะห์เทรนด์ต่างๆ เช่น การจองนาทีสุดท้าย

คำถามที่ควรถามผู้ให้บริการโปรแกรมจัดการช่องทางขาย ไม่ว่าโรงแรมคุณจะเล็กใหญ่แค่ไหน:

  • มีการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบกับระบบจัดการโรงแรมของคุณไหม?
  • รองรับการเชื่อมต่อกับช่องทางขายทั่วโลกด้วยระบบ XML ที่เชื่อถือได้หรือไม่?
  • หน้าจอใช้งานง่ายไหม?
  • มีการสนับสนุนและอบรมที่เพียงพอหรือไม่ โดยเฉพาะในภาษาของคุณ?
  • ใช้ระบบรวมห้องพักหรือเปล่า?
  • มีระบบรายงานที่ครบถ้วนหรือไม่?
  • เชื่อมต่อกับระบบจองออนไลน์ของคุณได้ไหม?
  • อัพเดทข้อมูลอัตโนมัติแบบเรียลไทม์หรือไม่?
  • ใช้เวลานานแค่ไหนในการติดตั้งระบบ?
  • ซอฟต์แวร์ได้มาตรฐาน PCI DSS หรือเปล่า?
  • มีช่องทางรับฟังความเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือไม่?
  • รองรับผู้ใช้งานหลายคนได้หรือไม่?
  • มีช่วงทดลองใช้ฟรีไหม?
  • คิดราคาอย่างไร – คิดตามช่องทาง ตามการจอง หรือเหมาจ่าย?

 

ระบบบริหารห้องพักโรงแรม

ระบบบริหารรายได้เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยเสริมแผนบริหารห้องพักของคุณได้อย่างมาก

ระบบบริหารรายได้ทำอะไรได้บ้าง
เราอยู่ในยุคของข้อมูลขนาดใหญ่ การจะคาดการณ์แนวโน้มตลาดได้แม่นยำและปรับราคาห้องแบบเรียลไทม์ คุณต้องพึ่งเทคโนโลยี แค่พื้นฐานที่สุด ระบบบริหารรายได้ก็สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการจองและการเข้าพัก เพื่อคาดการณ์สถานการณ์ตลาดของห้องแต่ละประเภทในทุกวันตลอดทั้งปี คุณจะเห็นประวัติช่องทางการจอง ระยะเวลาเข้าพัก ราคาที่ขายได้ รายได้ต่อห้อง รวมถึงรูปแบบการยกเลิกการจอง

ระบบจะทำงานร่วมกับโปรแกรมปรับค่าต่างๆ เพื่อควบคุมห้องพัก ช่วยให้คุณตั้งราคาอัตโนมัติสำหรับห้องแต่ละประเภทและระยะเวลาเข้าพักต่างๆ จนถึงระดับการรับจองเกินที่กำหนด วิธีนี้ช่วยให้คุณเลือกรับการจองที่ทำกำไรสูงสุด (ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นห้องที่ราคาแพงที่สุด เพราะต้องคำนึงถึงต้นทุนที่ต่างกัน) เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดจากห้องพักที่มี

การตั้งราคาที่แม่นยำและการปรับราคาให้เหมาะสมคือหัวใจของแผนบริหารห้องพัก และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อรายได้ต่อห้องและกำไรของคุณ ยกตัวอย่าง โรงแรม 500 ห้อง ที่มีอัตราเข้าพัก 70% ถ้าราคาเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ลดลงเพียง 35 บาท จะทำให้สูญเสียรายได้มากกว่า 3.5 ล้านบาทต่อปี

การจะปรับราคาตามสถานการณ์ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องมีระบบที่อัพเดทและตอบสนองต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ทันต่อเทรนด์ใหม่ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้า

การเชื่อมต่อระบบบริหารรายได้กับระบบจัดการช่องทางขาย
เมื่อเชื่อมต่อระบบบริหารรายได้เข้ากับระบบจัดการช่องทางขาย คุณสามารถกระจายราคาที่ระบบแนะนำได้ทันที ทำให้มั่นใจว่าขายห้องในราคาที่เหมาะสม ระบบจัดการช่องทางขายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ราคาและห้องว่างอัพเดทอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ในทุกช่องทาง ช่วยลดเวลาในการปรับราคาและเพิ่มรายได้ เมื่อติดตามแนวโน้มตลาดและยอดขายผ่านระบบบริหารรายได้ ระบบจัดการช่องทางขาย และรายงานภายใน คุณสามารถบริหาร โปรโมท และจัดสรรห้องพักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารห้องพัก
เทคโนโลยีไม่เพียงช่วยในการตัดสินใจ แต่ยังแสดงผลลัพธ์ของการตัดสินใจแบบทันที ทำให้ปรับกลยุทธ์การตลาดและพร้อมคว้าโอกาสจากเทรนด์ใหม่ๆ ได้ และเมื่อผสานเทคโนโลยีเข้ากับทรัพยากรบุคคล จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากห้องพักผ่านโอกาสทางการตลาดที่ตรงเป้ามากขึ้น

หลักการพื้นฐานของระบบบริหารห้องพักที่ดี

ทุกหลักการและกลยุทธ์มีแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ซึ่งช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การบริหารห้องพักก็เช่นกัน

4 วิธีปรับปรุงการบริหารห้องพักเพื่อเพิ่มโอกาสทางรายได้:

  1. เชื่อมต่อระบบจัดการช่องทางขาย
    ปัจจุบันการเชื่อมต่อระบบต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นสิ่งจำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ระบบจัดการช่องทางขายควรเชื่อมต่อและแชร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์กับทั้งระบบจัดการโรงแรมและระบบบริหารรายได้ ระบบที่เชื่อมต่อกันช่วยให้บริหารห้องพักแบบเรียลไทม์ ทำให้โรงแรมจัดการการจอง ราคา และการกระจายห้องพักผ่านหลายช่องทางได้ในคลิกเดียว ช่องทางที่ไม่อัพเดทจะเกิดข้อผิดพลาดในการจอง การจองเกิน และพลาดโอกาสการขาย การเชื่อมต่อระบบช่วยให้ราคาและสถานะห้องอัพเดทพร้อมกันในทุกช่องทางอย่างแม่นยำ
  2. ตัดสินใจจากข้อมูล
    เรื่องการตั้งราคาและการจัดสรรห้องพัก ควรตัดสินใจจากข้อมูล ไม่ใช่ความรู้สึก เมื่อเชื่อมต่อระบบเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ ผู้ประกอบการโรงแรมสามารถติดตามตัวชี้วัดผลงานสำคัญ เช่น รายได้ต่อห้องพักที่มี (RevPAR) ราคาเฉลี่ยต่อคืน (ADR) อัตราเข้าพัก และที่มาของการจอง ซึ่งไม่เพียงช่วยให้รู้ว่าช่องทางไหนทำผลงานดีที่สุดและระดับราคาไหนที่เหมาะกับตลาดเป้าหมาย แต่ยังช่วยประเมินผลกระทบจากการตัดสินใจต่างๆ ได้ด้วย

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถนำข้อมูลหลายด้านมาวิเคราะห์พร้อมกัน เช่น การแบ่งกลุ่มลูกค้า ฤดูกาลท่องเที่ยว ช่วงเทศกาล พฤติกรรมการจอง และการตั้งราคาของคู่แข่ง ทำให้คาดการณ์แนวโน้มตลาดและวางกลยุทธ์ราคาและโปรโมชันให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้

เมื่อมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องและใช้ให้เกิดประโยชน์ เจ้าของและผู้จัดการโรงแรมสามารถตัดสินใจเรื่องราคาและช่องทางขายได้ทันท่วงที แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสทางรายได้และยกระดับผลประกอบการของโรงแรม

  1. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมือถือ
    การเห็นข้อมูลเรียลไทม์สำคัญต่อการตัดสินใจทันท่วงที ด้วยระบบจัดการโรงแรมบนคลาวด์ ผู้จัดการสามารถดูผลงาน ติดตามการทำงาน เข้าถึงรายงานสำคัญได้จากทุกที่ทุกเวลา แม้ไม่ได้อยู่ที่โรงแรม เช่นเดียวกัน ผู้จัดการฝ่ายรายได้สามารถเข้าระบบเพื่อตัดสินใจเรื่องราคาและห้องพัก ตอบสนองต่อสถานการณ์ตลาดแบบเรียลไทม์ การเข้าถึงข้อมูลได้ทันทีจากทุกที่ช่วยให้พนักงานรับรู้ข้อมูล ตัดสินใจได้แม่นยำและเร็วขึ้น
  2. ผลักดันช่องทางการจองตรง
    เราทุกคนรู้ดีว่าการทำให้แขกกลับมาพักซ้ำนั้นคุ้มค่ากว่าการหาลูกค้าใหม่มาก แต่เมื่อทุกคนติดสมาร์ทโฟนมากขึ้น พฤติกรรมการจองก็เปลี่ยนไปอยู่บนออนไลน์ ทำให้โรงแรมต้องแย่งชิงยอดจองกับเว็บไซต์ตัวกลางมากขึ้น สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น สัญญาที่ไม่ยืดหยุ่นระหว่างโรงแรมกับ OTA ค่าคอมมิชชั่นที่โรงแรมต้องจ่ายสูงถึง 15-25% ของรายได้ (เจ็บปวดมาก!) OTA มีตัวตนบนออนไลน์ที่แข็งแกร่งมาก (เพราะมีงบการตลาดมหาศาล) ที่สำคัญคือผู้บริโภคถูกปลูกฝังให้เชื่อว่าจะหาราคาที่ดีที่สุดได้จากเว็บไซต์เหล่านี้

แต่ถ้ามีเทคโนโลยีที่เหมาะสม การทำกำไรจากห้องพักและการเพิ่มรายได้ของโรงแรมก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

โดย Dean Elphick

ดีนคือผู้เชี่ยวชาญการตลาดเนื้อหาซีเนียร์ของ SiteMinder, ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำที่ส่งผลกำไรที่ไม่เคยมีให้แก่เจ้าของโรงแรม. ดีนมีความสนใจในการเขียนและสร้างเนื้อหามาเป็นที่รักในชีวิตอาชีพของเขาทั้งหมด, ซึ่งรวมถึงมากกว่าหกปีที่ SiteMinder. ผ่านทางเนื้อหา, ดีนมีเป้าหมายที่จะให้การศึกษา, แรงบันดาลใจ, ความช่วยเหลือ และค่าความพิเศษให้แก่ธุรกิจที่ให้บริการที่ต้องการปรับปรุงวิธีการทำงานและบรรลุเป้าหมายของพวกเขา.