การจองเกิน หรือ “โอเวอร์บุ๊คกิ้ง” ของโรงแรมคืออะไร?
การจองเกิน หรือการจองซ้ำซ้อน (overbooking) เกิดขึ้นเมื่อโรงแรมขายห้องพักมากกว่าจำนวนที่มีอยู่จริงในคืนนั้นๆ หลายโรงแรมทำเช่นนี้โดยเจตนาเพื่อชดเชยการยกเลิกนาทีสุดท้ายหรือกรณีที่แขกไม่มาเช็คอิน ช่วยป้องกันการสูญเสียรายได้และอัตราการเข้าพัก
แน่นอนว่าการจองเกินอาจเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจได้เช่นกัน สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือเมื่อระบบไม่อัพเดตจำนวนห้องว่างในบางช่องทางการจอง ทำให้ไม่สามารถปิดการขายได้ทันเวลา ส่งผลให้ยังมีการจองเข้ามาแม้ว่าโรงแรมจะเต็มแล้ว
การจองเกินในโรงแรมเป็นประเด็นที่มักสร้างความเห็นแตกต่างในวงการธุรกิจโรงแรม ผู้ประกอบการแต่ละรายมีมุมมองที่แตกต่างกันไป บางคนเห็นว่าเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มรายได้ ในขณะที่บางคนกังวลถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้น เช่น การสูญเสียความน่าเชื่อถือหรือการรีวิวในแง่ลบ โดยเฉพาะในยุคที่การรีวิวออนไลน์มีอิทธิพลสูงต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว การจัดการกับสถานการณ์การจองเกินจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ผู้บริหารโรงแรมต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
อย่างไรก็ตาม คุณสามารถลดความเสี่ยงในการต้องหาที่พักอื่นให้แขกได้ หากมีกลยุทธ์การจัดการปัญหาจองเกินที่รัดกุม ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณได้ประโยชน์สูงสุดจากการขายเกิน
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับทุกสิ่งที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับข้อดี ความเสี่ยง และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของกลยุทธ์การจัดการปัญหาจองเกินในโรงแรม
สารบัญ
เมื่อโรงแรมเกิดการจองเกิน (Overbooking) ต้องทำอย่างไร?
เมื่อโรงแรมของคุณมีการจองเกินในวันใดวันหนึ่ง ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่น การมีขั้นตอนการจัดการที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญมาก
1. ตรวจสอบอัตราการเข้าพัก
ติดตามอัตราการเข้าพักอย่างใกล้ชิดและปิดช่องทางการจองก่อนที่จะเกิดการจองเกินมากเกินไป ตรวจสอบข้อมูลเพื่อดูว่าคุณสามารถคาดการณ์การยกเลิกและการไม่มาเช็คอินได้มากน้อยเพียงใด ใช้ข้อมูลนี้เพื่อประเมินว่าคุณสามารถรับการจองเพิ่มได้อีกกี่ห้อง และปิดการขายในเวลาที่เหมาะสม
2. วิเคราะห์การโอนย้ายแขกที่อาจเกิดขึ้น
ในวันที่มีการจองเกิน วิเคราะห์รายชื่อแขกที่จะเข้าพักเพื่อพิจารณาว่าใครที่คุณสามารถโอนย้ายไปพักที่โรงแรมอื่นได้ การตัดสินใจนี้มีผลอย่างมากต่อความสำเร็จของกลยุทธ์การจัดการการจองเกิน ดังนั้นต้องเลือกอย่างรอบคอบ
หากเป็นไปได้ ให้รักษาแขกกลุ่มต่อไปนี้ไว้:
- แขกประจำ: การโอนย้ายแขกที่มาพักเป็นประจำอาจทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจ เพราะอาจคิดว่าคุณไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขา ในกรณีที่แย่ที่สุด อาจทำให้สูญเสียลูกค้าประจำและธุรกิจในอนาคตได้
- สมาชิกโปรแกรมสะสมคะแนน: แขกที่มาพักครั้งแรกแต่เป็นสมาชิกโปรแกรมสะสมคะแนนของคุณ (หรือของเครือโรงแรม) ควรได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสที่จะกลับมาพักซ้ำสูง
- แขกที่จองโดยตรง: รักษาแขกที่จองผ่านเว็บไซต์ของคุณไว้ เพราะมีโอกาสที่จะกลายเป็นลูกค้าประจำของโรงแรมหรือแบรนด์ของคุณสูง
- แขกที่จ่ายราคาสูงหรือเข้าพักระยะยาว: ผู้ที่จองแพ็คเกจพิเศษ (เช่น รวมบริการเสริม) ห้องพักระดับที่แพงกว่า หรือเข้าพักเป็นเวลานาน จะสร้างมูลค่ามากกว่าการจองห้องมาตรฐานแค่คืนเดียว
- นักท่องเที่ยวที่มาฉลองโอกาสพิเศษ: ผู้ที่มาพักที่โรงแรมของคุณเพื่อฉลองวันเกิดหรือครบรอบแต่งงาน อาจเลือกโรงแรมของคุณด้วยเหตุผลเฉพาะ การโอนย้ายพวกเขาอาจทำให้วันพิเศษของพวกเขาเสียหายและอาจนำไปสู่การรีวิวที่แย่มากได้
เมื่อต้องเลือกแขกที่จะโอนย้ายไปพักที่โรงแรมอื่น แขกที่จองห้องพักมาตรฐานเพียงคืนเดียวผ่านเว็บไซต์จองห้องพักออนไลน์ (OTA) มักเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด นอกจากนี้ คุณควรตรวจสอบรายการจองเพื่อดูว่ามีใครบ้างที่ยังไม่ได้ชำระเงินล่วงหน้า ไม่ได้วางมัดจำ หรือไม่ได้ให้ข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อการันตีการจอง
เนื่องจากการจองเหล่านี้มีโอกาสถูกยกเลิกสูงกว่า คุณสามารถเพิ่มพวกเขาลงในรายชื่อแขกที่อาจต้องโอนย้ายไปพักที่โรงแรมอื่น (book-out) หากเกิดสถานการณ์จองเกิน การวางแผนล่วงหน้าเช่นนี้จะช่วยให้คุณจัดการสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อถึงเวลาจริง
3. เสนอค่าชดเชย
จัดหาที่พักทางเลือกและค่าชดเชย: ทันทีที่ทราบจำนวนแขกที่ต้องย้ายออก ให้หาที่พักที่เหมาะสมให้พวกเขาโดยเร็ว พิจารณาเสนอค่าชดเชยด้วย เช่น ส่วนลดสำหรับการเข้าพักครั้งต่อไป บริการรถรับส่งฟรี หรือเครดิตสำหรับใช้บริการในโรงแรม เพื่อแสดงความเสียใจและขอบคุณสำหรับความร่วมมือ การดูแลเอาใจใส่ในจุดนี้จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและชื่อเสียงของโรงแรมในระยะยาว
4. แจ้งข้อมูลแขกให้ทีมงานทราบอย่างทั่วถึง
แจ้งรายชื่อแขกที่ต้องย้ายไปพักโรงแรมอื่น พร้อมทั้งข้อมูลโรงแรมใหม่ให้กับทีมงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นแผนกต้อนรับ ฝ่ายรักษาความปลอดภัย และพนักงานขนกระเป๋า จากนั้นให้แน่ใจว่าทุกคนเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อแขกกลุ่มนี้มาถึง เช่น การอธิบายสถานการณ์ การพาไปยังรถรับส่ง หรือการมอบของที่ระลึกขอโทษ เป้าหมายคือทำให้กระบวนการทั้งหมดราบรื่นที่สุด เพื่อลดความไม่พอใจและความเครียดที่แขกอาจรู้สึก การเตรียมพร้อมของทีมงานจะช่วยให้แขกรู้สึกว่าได้รับการดูแลอย่างดี แม้ในสถานการณ์ที่ไม่สะดวกเช่นนี้
ตัวอย่างนโยบายการจองเกินของโรงแรม
การจองเกิน (Overbooking) เป็นแนวปฏิบัติทั่วไปในอุตสาหกรรมโรงแรม มักใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อเพิ่มรายได้สูงสุดและรับมือกับการยกเลิกหรือการไม่มาเช็คอินในนาทีสุดท้าย อย่างไรก็ตาม แนวทางการจองเกินอาจแตกต่างกันไปในแต่ละโรงแรม ต่อไปนี้คือตัวอย่างของนโยบายการจองเกินของโรงแรม:
- การจองเกินตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด: โรงแรมบางแห่งอาจเลือกจองเกินตามเปอร์เซ็นต์ที่แน่นอน เช่น 2%, 3% หรือแม้กระทั่ง 10% เปอร์เซ็นต์นี้มักอิงจากข้อมูลในอดีตและประสบการณ์ของโรงแรมเกี่ยวกับการยกเลิกและการไม่มาเช็คอิน
- นโยบายการย้ายที่พัก: เมื่อโรงแรมจองเกินและไม่สามารถรองรับแขกได้ แขกจะถูก “ย้าย” ไปยังโรงแรมอื่น โดยทั่วไปโรงแรมเดิมจะจัดการและจ่ายค่าที่พักให้แขกที่โรงแรมอื่น นโยบายนี้พบได้ทั่วไปในอุตสาหกรรม แต่คุณภาพของโรงแรมทางเลือกอาจแตกต่างกัน บางโรงแรมอาจย้ายแขกไปยังที่พักที่มีมาตรฐานเทียบเท่า ในขณะที่บางแห่งอาจต้องย้ายแขกไปยังโรงแรมที่มีราคาถูกกว่าหรือคุณภาพด้อยกว่า ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความไม่พอใจได้
- นโยบายการชดเชย: ในหลายกรณี โรงแรมที่จองเกินจะมอบการชดเชยให้กับแขกสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการเดินทางฟรีไปยังโรงแรมทางเลือก มื้ออาหารฟรี หรือการพักฟรีหนึ่งคืน รายละเอียดของนโยบายนี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละโรงแรมรวมถึงกฎหมายท้องถิ่น นอกจากนี้ OTA หลายแห่งยังมีกฎเฉพาะเกี่ยวกับการจองเกินและการชดเชยที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ยังคงอยู่บนแพลตฟอร์มได้
โปรดจำไว้ว่านี่เป็นเพียงตัวอย่างทั่วไป และนโยบายที่แน่นอนอาจแตกต่างกันอย่างมากระหว่างโรงแรมแต่ละแห่ง จึงควรทำความคุ้นเคยกับนโยบายการจองเกินของโรงแรมก่อนทำการจองเสมอ
การจองเกินถูกกฎหมายหรือไม่?
การจองเกินนั้นถูกกฎหมายในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย แม้จะไม่มีกฎหมายเฉพาะที่ระบุเรื่องนี้ แต่โดยทั่วไปแล้วถือเป็นแนวปฏิบัติที่ยอมรับได้ในอุตสาหกรรมโรงแรม เช่นเดียวกับสายการบิน โรงแรมมักใช้วิธีนี้เพื่อชดเชยกรณีแขกไม่มาเช็คอินหรือยกเลิกในนาทีสุดท้าย โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอัตราการเข้าพักและรายได้ให้สูงสุด
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่โรงแรมที่ใช้วิธีนี้ต้องรับผิดชอบหาที่พักทดแทนให้แขกที่ไม่สามารถรองรับได้ วิธีปฏิบัตินี้เรียกว่าการ “ย้าย” แขก (walking) ซึ่งมักหมายถึงการจองโรงแรมใกล้เคียงที่มีคุณภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าให้แขก และโรงแรมเดิมต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนต่างทั้งหมด
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ แม้การจองเกินจะเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป แต่กฎระเบียบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่อาจมีความแตกต่างระหว่างกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด หรือระหว่างแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ดังนั้น ผู้ประกอบการโรงแรมควรศึกษาข้อกำหนดและแนวปฏิบัติในพื้นที่ของตนให้ดี รวมถึงปรึกษากับสมาคมโรงแรมในท้องถิ่นเพื่อให้แน่ใจว่าปฏิบัติตามมาตรฐานของอุตสาหกรรมอย่างเหมาะสม
เหตุผลที่โรงแรมบางแห่งใช้กลยุทธ์การจองเกินจำนวนห้องพัก
การบริหารจัดการโรงแรมนั้นมีความซับซ้อนและต้องอาศัยกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีอัตราการเข้าพักและรายได้ที่เหมาะสมที่สุด การจองเกินจำนวนห้องพัก หรือ Overbooking เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่โรงแรมหลายแห่งนำมาใช้เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของการยกเลิกการจองในนาทีสุดท้ายและการไม่มาเช็คอิน แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่วิธีนี้ก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มรายได้จากห้องพักให้สูงสุดและบรรลุเป้าหมายการเข้าพักเต็ม มีสองเหตุผลหลักที่โรงแรมเลือกใช้กลยุทธ์นี้:
1. เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียรายได้
การยกเลิกการจองเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ มีการศึกษาพบว่ารายได้จากการจองล่วงหน้าสูงถึง 40% อาจสูญเสียไปเนื่องจากการยกเลิก หากการยกเลิกเกิดขึ้นล่วงหน้านานพอ โรงแรมยังมีโอกาสหาลูกค้ารายใหม่มาทดแทนได้
แต่หากเป็นการยกเลิกในนาทีสุดท้ายหรือลูกค้าไม่มาเช็คอิน ห้องพักมักจะขายไม่ออกและทำให้สูญเสียรายได้ การจองเกินช่วยหลีกเลี่ยงปัญหานี้และช่วยให้โรงแรมสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพในการสร้างรายได้ของทุกห้องได้อย่างเต็มที่
2. เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอัตราการเข้าพัก 100%
หากมีลูกค้าไม่มาเช็คอินหรือยกเลิกการจองในนาทีสุดท้าย อัตราการเข้าพักจริงจะต่ำกว่า 100% แม้ว่าในตอนแรกจะมีการจองเต็มทุกห้องก็ตาม การจองเกินช่วยชดเชยการจองที่หายไปเหล่านี้และช่วยให้มั่นใจได้ว่าโรงแรมจะสามารถบรรลุเป้าหมายอัตราการเข้าพัก 100% ได้
วิธีเพิ่มข้อได้เปรียบจากการจองเกินในโรงแรม
แม้การจองเกินอาจดูเหมือนกลยุทธ์ที่เสี่ยง แต่เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้อง มันสามารถช่วยให้โรงแรมได้รับประโยชน์อย่างมาก อย่างไรก็ตาม เพื่อใช้ประโยชน์จากการจองเกินอย่างแท้จริง โรงแรมจำเป็นต้องมีแนวคิดเชิงกลยุทธ์และมุ่งเน้นการบริการลูกค้า นี่คือวิธีการ:
1. วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์อย่างแม่นยำ
การวิเคราะห์ข้อมูลการไม่มาเช็คอินและการยกเลิกในอดีตเป็นขั้นตอนแรกของกลยุทธ์การจองเกินที่ประสบความสำเร็จ การรู้สถิติจะช่วยให้คุณคาดการณ์ได้แม่นยำ จัดการห้องพักได้ดีขึ้น และกำหนดขีดจำกัดการจองเกินที่เหมาะสม
2. นำมาตรฐานการปฏิบัติงานสำหรับการจองเกินมาใช้
กำหนดกระบวนการมาตรฐานและให้ทีมของคุณมีทุกสิ่งที่จำเป็นในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีนี้จะช่วยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นแม้ในช่วงที่เต็ม 100% และลดความไม่สะดวกสำหรับแขกที่คุณต้องหาที่พักทดแทนให้
3. ร่วมมือกับโรงแรมใกล้เคียง
โรงแรมส่วนใหญ่มีการจองเกินเป็นครั้งคราว ดังนั้นทำไมไม่ช่วยเหลือกัน? จัดทำสัญญารับแขกล้นที่ระบุเงื่อนไขในการรับแขกของกันและกันในช่วงเวลาคับขัน วิธีนี้คุณจะมีทางเลือกที่ดีเสมอ และสามารถสร้างรายได้เพิ่มเมื่อคู่แข่งเต็ม
4. ฝึกอบรมพนักงานต้อนรับเกี่ยวกับการจัดการการจองเกิน
การแจ้งแขกที่ไม่ทันตั้งตัวว่าต้องย้ายไปพักที่อื่นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พนักงานของคุณจำเป็นต้องรู้วิธีรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ จัดอบรมเรื่องการจัดการข้อร้องเรียน การลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น และการเสนอค่าชดเชยที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ควรอัปเดตข้อมูลที่พักสำรองให้พนักงานทราบด้วย เพื่อให้สามารถช่วยเหลือแขกในการเดินทางไปยังที่พักใหม่ได้อย่างราบรื่นที่สุด
ความท้าทายและวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับการจองเกิน
แม้ว่าการจองเกินอาจมีข้อดีบางประการ แต่คุณควรคำนึงถึงความเสี่ยงและข้อเสียเมื่อวางแผนกลยุทธ์การจองห้องพัก ต่อไปนี้คือความท้าทายหลักๆ และวิธีรับมือ
1. ประสบการณ์ที่ไม่ดีของแขก
แขกที่มาถึงโรงแรมแล้วต้องถูกส่งไปที่อื่นย่อมไม่พอใจแน่นอน และหลายคนอาจไม่อยากกลับมาพักอีก อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องหาทางเลือกที่เหมาะสมให้พวกเขา และพยายามทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่โรงแรมใหม่
2. ผลกระทบต่อชื่อเสียงออนไลน์
คุณคงเห็นด้วยว่าเราไม่สามารถโทษแขกได้หากพวกเขาเขียนรีวิวแย่ๆ หรือร้องเรียนบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงโดยรวมของโรงแรม หรือนำไปสู่การกล่าวถึงในแง่ลบ และทำให้สูญเสียการจองในอนาคต
วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงปัญหานี้คือการเสนอค่าชดเชยที่คุ้มค่า และทำให้การย้ายไปโรงแรมอื่นเป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่นที่สุด
3. สถานการณ์ยากลำบากสำหรับพนักงาน
โดยปกติ ผู้จัดการฝ่ายสำรองห้องพักหรือผู้จัดการฝ่ายรายได้จะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องการจองเกิน แต่พนักงานต้อนรับคือผู้ที่ต้องแจ้งแขกว่าพวกเขาต้องย้ายไปพักที่อื่น
นี่ไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับทีมพนักงานต้อนรับ และอาจเครียดมากขึ้นตามปฏิกิริยาของแขก วิธีลดปัญหานี้คือใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดระดับการจองเกินที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการจองเกินเกินกว่านั้น
การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาการจองเกินในโรงแรม
แม้ว่าคุณสามารถจัดการกลยุทธ์การจองเกินด้วยตนเองได้ แต่วิธีนี้จะใช้เวลามากเกินไป แทนที่จะทำเช่นนั้น การใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสำหรับโรงแรมต่อไปนี้จะช่วยประหยัดเวลาและปรับปรุงผลลัพธ์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น
ระบบจัดการช่องทางการขาย (Channel Manager) เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยอัพเดทข้อมูลห้องพักแบบเรียลไทม์และส่งข้อมูลการจองใหม่ระหว่างช่องทางการขายออนไลน์ทั้งหมดกับระบบจัดการโรงแรม (PMS) ของคุณ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณควบคุมช่องทางการจำหน่ายและกำหนดขีดจำกัดการจองเกินได้ ทำให้มั่นใจว่าคุณจะไม่ขายเกินกว่าที่รับไหว
ระบบจองห้องพักออนไลน์ที่มีโซลูชันการชำระเงินแบบบูรณาการช่วยเพิ่มประสบการณ์การจองของแขก โดยให้พวกเขาจอง รับประกัน หรือแม้แต่ชำระเงินล่วงหน้าสำหรับการจองผ่านเว็บไซต์ของคุณโดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนการจองที่ยืนยันแล้วและลดความเสี่ยงจากการยกเลิกในนาทีสุดท้าย
แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ข้อมูลของโรงแรมได้อย่างลึกซึ้ง โดยสำรวจรูปแบบการไม่มาเช็คอิน การยกเลิก การพักเกินกำหนด และการออกก่อนกำหนด การเข้าใจแนวโน้มเหล่านี้ช่วยให้คุณตัดสินใจเกี่ยวกับขีดจำกัดการจองเกินที่ปลอดภัยได้อย่างชาญฉลาด
แพลตฟอร์มของ SiteMinder มีเครื่องมือเหล่านี้และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อมอบโซลูชันครบวงจรในการจัดการการจองห้องพักของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือ 3 จุดเด่นหลักของแพลตฟอร์ม SiteMinder:
- ระบบการทำงานที่ราบรื่น: แพลตฟอร์มของ SiteMinder เชื่อมต่อกับระบบที่คุณใช้อยู่ ช่วยให้ข้อมูลเชื่อมกันอย่างไร้รอยต่อ และทำให้การจัดการการจอง สต็อคห้องพัก และกลยุทธ์การรับจองเกินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- การตัดสินใจด้วยข้อมูล: ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ธุรกิจของ SiteMinder คุณสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของโรงแรมเพื่อตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ช่วยเพิ่มรายได้และอัตราการเข้าพักได้อย่างเต็มที่
- ยกระดับประสบการณ์ของแขก: ระบบจองห้องพักออนไลน์ของ SiteMinder ไม่เพียงทำให้กระบวนการจองง่ายขึ้นสำหรับแขกเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมโซลูชันการชำระเงินแบบครบวงจร ช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับแขกและเพิ่มจำนวนการจองที่ได้รับการยืนยัน
สนใจอยากรู้ว่าแพลตฟอร์มบริหารจัดการโรงแรมอย่าง SiteMinder จะช่วยให้คุณควบคุมและจัดการการจองห้องพักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร? ติดต่อเราวันนี้เพื่อข้อมูลเพิ่มเติม