การวิเคราะห์โรงแรมคู่แข่ง คืออะไร?
การวิเคราะห์โรงแรมคู่แข่ง คือ วิธีที่โรงแรมของคุณใช้หาจุดแข็งและจุดอ่อนของโรงแรมคู่แข่งในบริเวณเดียวกัน เพื่อให้คุณนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับและหาจุดยืนของตัวเองในตลาดอุตสาหกรรมโรงแรม
การวิเคราะห์คู่แข่งจะช่วยให้เข้าใจว่าคุณตั้งราคาห้องพักอย่างได้ถูกต้องหรือไม่และตัดสินใจถูกเพื่อให้ได้เปรียบเหนือคู่แข่งหรือเปล่า ซึ่งอาจหมายถึง:
- สร้างกลยุทธ์ที่ทำให้โรงแรมคู่แข่งใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดได้ยาก
- ใช้ข้อมูลเชิงลึกของแขกในการปรับปรุงพัฒนาบริการให้อยู่เหนือคู่แข่ง
- ค้นพบจุดขายเด่น ๆ ที่โรงแรมของคุณควรให้ความสำคัญ
ยกตัวอย่างง่าย ๆ หากเรทราคาห้องพักของคุณและคู่แข่งเท่ากัน แต่โรงแรมของคุณมีข้อเสนอที่ดีกว่าหรือสร้างคุณค่าได้เหนือกว่า คุณมีโอกาสอัปราคาห้องพักเพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น
เมื่อมองไปยังความสำเร็จของกลยุทธ์การจัดการรายได้ ก็ไม่ได้มีเพียงวิธีคำนวณตัวชี้วัดที่เป็นตัวเลขอย่างเดียว อย่างเช่น RevPAR
ทางโรงแรมยังต้องมีการวิเคราะห์คู่แข่งเพื่อหาจุดยืนในตลาดบริเวณใกล้เคียงและมองหาว่ามีวิธีใดที่คุณจะสร้างข้อได้เปรียบ/รับผลประโยชน์ได้บ้าง หรืออย่างน้อยก็หาวิธีเพิ่มรายได้และกำไรให้มากที่สุด
บล็อกนี้จะพาคุณไปเจาะลึกรายละเอียดการวิเคราะห์โรงแรมคู่แข่งฉบับสมบูรณ์ที่เจ้าของธุรกิจโรงแรมไม่ควรพลาด!
สารบัญ
จุดประสงค์ของการวิเคราะห์โรงแรมคู่แข่ง
รายงานการวิเคราะห์โรงแรมคู่แข่ง เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการตรวจสอบปัญหาที่ควรแก้ไขและหาโอกาสเพิ่มผลประโยชน์ให้กับตัวเอง
ในอดีต การแข่งขันภายในธุรกิจโรงแรมมักจะจำกัดอยู่ในพื้นที่เฉพาะ และวิธีวิเคราะห์โรงแรมก็ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการตรวจสอบราคาห้องพักโรงแรมบริเวณใกล้เคียง แต่ยุคดิจิทัลที่มีอินเทอร์เน็ตคุมเกมอย่างในปัจจุบันนี้ ส่งผลให้มีคู่แข่งจากพื้นที่ห่างไกลเพิ่มเข้ามา ดังนั้น ธุรกิจของคุณต้องเผชิญกับการแข่งขันมากขึ้นกว่าเดิม และการทำความเข้าใจคู่แข่งเป็นขั้นตอนแรกในการต่อสู้บนสนามแข่งนี้
โรงแรมที่มีการจัดการดี จะใช้ข้อมูลในการสร้างกลยุทธ์การขายและการตลาดและใช้ข้อมูลอ้างอิงประกอบการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ซึ่งข้อมูลที่นำมาใช้จะมีผลต่อทิศทางที่ธุรกิจโรงแรมอย่างมาก โดยปัจจัยหลักอยู่ที่การหาความสัมพันธ์ระหว่างชุดข้อมูลและทำความเข้าใจว่าทำไมคุณได้รับผลลัพธ์แบบนั้น
สิ่งสำคัญคือการคัดกรองและทำให้มั่นใจว่าข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจะช่วยให้เป้าหมายที่สอดคล้องกันประสบความสำเร็จและสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มั่นคงเพื่อให้แขกสนใจและมีส่วนร่วมกับแบรนด์
หลักสำคัญในการวิเคราะห์โรงแรมคู่แข่ง
ปัจจุบัน ทุกโรงแรมควรโฟกัสไปยังการทำความเข้าใจพฤติกรรมของแขกรายบุคคลมากกว่าตัวเลขสถิติอัตราการเข้าพักหรืออัลกอริทึมอื่น ๆ
เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันมีอิทธิพลมากกว่าที่คิด และธุรกิจทุกภาคส่วนควรตระหนักถึงความยากในการพัฒนาบริการให้เป็นไปตามความคาดหวังของลูกค้าและเพิ่มมาตรฐานให้สูงขึ้นเพื่อความพึงพอใจระดับสูงสุด
อิทธิพลของยุคดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของมุมมองผู้บริโภคต่อตัวสินค้า นักท่องเที่ยวปัจจุบันสามารถหาข้อมูลได้ด้วยตัวเอง ทำให้พวกเขามีตัวเลือกมากขึ้นและมีความต้องการต่อบริการระดับสูงขึ้นด้วย
ปัจจัยหลักที่ทางโรงแรมควรให้ความสำคัญ คือ พฤติกรรมของลูกค้าและรีวิวจากผู้เข้าพักอย่างละเอียด เพราะนักท่องเที่ยว 89% เชื่อว่ารีวิวมีอิทธิพลต่อการตัดสินในจองโรงแรม ดังนั้น เป้าหมายที่ควรโฟกัส คือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเป็นรายบุคคลโดยอิงจากข้อมูลที่โรงแรมเก็บรวบรวมได้จากพวกเขา
และมีข้อพิสูจน์อีกด้วยว่ารูปแบบการตลาดที่เน้นโปรโมทแบบส่วนตัวอย่าง Email Marketing สามารถเพิ่มอัตราการเปิดอ่าน Email ได้ถึง 25% เพื่อเข้าถึงลูกค้าเป็นรายบุคคลมากขึ้น คุณอาจทดลองเก็บข้อมูลรูปแบบอื่น ๆ เช่น รายงานสรุปจากพนักงานเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับแขกใน 1 วันหรือ 1 สัปดาห์ เพราะข้อมูลไม่จำเป็นต้องออกมาในรูปแบบตัวเลขเสมอไป
คุณสามารถใช้ข้อมูลจากรีวิวในการสร้างกลยุทธ์ตลาดและโปรโมชันได้อีกด้วย หากโรงแรมของคุณได้รับคำชมเรื่องทำเลที่ตั้งและสิ่งอำนวยความสะดวกบนแพลตฟอร์ม TripAdvisor ล่ะก็ นี่แหละ คือจุดแข็งที่คุณควรนำไปโปรโมทบนโซเชียลมีเดียหรือบนเว็บไซต์
ในทางกลับกัน หากคุณเห็นคอมเมนต์เชิงลบเกี่ยวกับราคาหรือการทำธุรกรรมที่ไม่น่าประทับใจ แนะนำให้ปฏิบัติตัวอย่างระมัดระวังและพยายามไม่ให้เป็นจุดสนใจจนกว่าจะหาทางออกได้ ซึ่งปัญหาที่ยากและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คือ แขกที่ไม่พอใจมักจะแสดงความคิดเห็นอย่างแข็งกร้าวและขยายความยืดยาว ดังนั้น การให้บริการที่มีคุณภาพจึงมีความสำคัญอย่างมาก
การวิเคราะห์โรงแรมคู่แข่ง มีอะไรบ้าง?
การขุดค้นข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์จากคลังข้อมูลโรงแรมจำนวนมหาศาลเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและค่อนข้างใช้เวลานาน แต่ก็ไม่ได้จัดการยากอย่างที่คิด
ด้วยวิธีการพุ่งเป้าไปยังชุดข้อมูลเฉพาะพร้อมคิดวิธีใช้ข้อมูลเหล่านั้นอย่างสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ข้อมูลจะเป็นเครื่องมือที่พิสูจน์ได้ว่าสามารถนำมาใช้ได้จริงและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโรงแรมของคุณได้
จุดประสงค์โดยรวมของการวิเคราะห์คู่แข่ง คือ เพื่อติดตามแนวโน้มที่เกิดขึ้น ณ สถานที่ของคุณและเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้อย่างแม่นยำ
ด้วยแอปพลิเคชันที่เหมาะสม คุณสามารถใช้ข้อมูลในมือได้หลายวิธี เพื่อสร้างแผนการใหญ่และปรับกลยุทธ์ตั้งราคาอย่างรอบคอบ
1. การวางตำแหน่งทางการตลาด
การวิเคราะห์โรงแรมคู่แข่งช่วยให้คุณเข้าใจว่า คุณวางตำแหน่งโรงแรมของคุณในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ – กล่าวคือ แบรนด์และการตลาดของคุณสอดคล้องกับความเป็นจริงของธุรกิจหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น คุณพบว่าโรงแรมคู่แข่งสร้างแบรนด์โดยมีจุดยืนสไตล์ Family-Friendly หรือที่พักสำหรับครอบครัว และได้รับผลตอบรับมากมายเพราะเหตุนี้ ในขณะที่คุณกลับพลาดโอกาสไป
2. ประชากรกลุ่มเป้าหมาย
การวิเคราะห์ข้อมูลยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น ยกตัวอย่าง กรณีโรงแรม Starwood ที่ตั้งอยู่ในแถบกลุ่มประเทศแคริบเบียนที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวอเมริกาเหนือ พบว่ามีแนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งที่ลูกค้ายินดีจ่าย พวกเขาจึงสร้างระบบเพื่อแจ้งเตือนเมื่อจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนใด ๆ
3. ข้อเสนอเกี่ยวกับบริการ
มีข้อเสนออะไรบ้างที่โรงแรมคู่แข่งมี แต่คุณไม่มี? การวิเคราะห์คู่แข่งโรงแรม สามารถระบุโอกาสในการเพิ่มศักยภาพกลยุทธ์ Upsell และผ่านการขายบริการเสริมเพิ่มเติม
4. กลยุทธ์ตั้งราคา
ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดในการวิเคราะห์โรงแรมคู่แข่ง คือ ราคา – ตรวจสอบราคาห้องพักประเภทต่าง ๆในวันที่ระบุของโรงแรมคู่แข่ง แล้วนำข้อมูลที่ได้มาปรับข้อเสนอโรงแรมคุณให้น่าสนใจกว่า
5. ประสบการณ์การเข้าพักของแขก
เมื่อแขกยืนยันการการจองเรียบร้อยแล้ว การวิเคราะห์ข้อมูลสามารถยกระดับประสบการณ์การเข้าพักของแขกได้และยังช่วยให้แขกใหม่กลายมาเป็นลูกค้าประจำได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น โรงแรม Denihan แจกสมาร์ทโฟนที่สามารถเข้าถึงข้อมูลวิเคราะห์ลูกค้ากับพนักงาน เพื่อให้พวกเขาคาดการณ์ความต้องการของแขกและตอบสนองคำขอได้ดียิ่งขึ้น
6. ช่องทางการขาย
ยอดจองห้องพักของคุณมาจากช่องทางไหนมากที่สุด? ช่องทางการขายของคุณเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับโรงแรมคู่แข่ง? การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณระบุเว็บไซต์ OTAs ที่ควรจะเข้าร่วมหรือให้ความสำคัญในการโปรโมทเพื่อให้ได้รับการจองโดยตรงมากขึ้น
วิธีวิเคราะห์โรงแรมคู่แข่ง
3 ขั้นตอนวิเคราะห์โรงแรมคู่แข่งที่สำคัญ มีดังนี้
1. สร้างกลุ่มโรงแรมคู่แข่งของคุณ
กลุ่มโรงแรมคู่แข่ง (Competitive Set หรือ Compset) คือ โรงแรมที่คุณจะนำมาเปรียบเทียบกับตัวเอง คุณต้องระบุได้ว่าโรงแรมไหนที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจคุณ
ปัจจัยในการวิเคราะห์กลุ่มโรงแรมคู่แข่ง คือ:
-
- ทำเลที่ตั้งใกล้เคียงกัน – โรงแรมที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับโรงแรมของคุณ ถึงแม้พวกเขาจะมีข้อแตกต่างกันเล็กน้อย ก็พิจารณาว่าเป็นโรงแรมคู่แข่งได้ แน่นอนว่าหากโรงแรมของคุณเป็นระดับหรู แต่คู่แข่งเป็นโรงแรมสายประหยัด คุณอาจจะลดความสนใจของของนักท่องเที่ยวที่มีต่อพวกเขาได้
- ตำแหน่งทางการตลาด – เกี่ยวข้องกับระดับของสินค้าและบริการ เช่น ระดับประหยัด, ระดับกลาง, ระดับสูง, และระดับหรูหรา เป็นต้น คุณควรมองหาโรงแรมที่วางตำแหน่งทางการตลาดเดียวกันกับคุณ
- ราคา – โรงแรมที่ตั้งราคาห้องพักใกล้เคียงกัน ดูสมเหตุสมผลในการพิจารณาว่าเป็นโรงแรมคู่แข่ง
- สินค้า – โรงแรมในระแวกเดียวกันมีตัวเลือกประเภทห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนคุณหรือเปล่า? หากมี จัดเข้ากลุ่มโรงแรมคู่แข่งได้เลย
ในการกำหนดกลุ่มคู่แข่ง คุณอาจพิจารณาปัจจัย อย่าง กลุ่มเป้าหมาย, ฤดูกาล และความคาดหวังเพิ่มเติม ซึ่งความคาดหวังในที่นี้ หมายความว่าหากคุณตั้งใจปรับปรุงและยกระดับธุรกิจ คุณควรดูว่าคู่แข่งต่อไปของคุณจะเป็นใคร
2. เลือกและให้คะแนนตามคุณลักษณะ
เมื่อคุณคัดโรงแรมคู่แข่งมาราว ๆ 4 – 5 แห่งเพื่อนำมาวิเคราะห์ คุณต้องคิดให้ออกว่าจะนำมาเปรียบเทียบอย่างไร
ตัวอย่างของหัวข้อที่คุณจะนำมาประเมิน เช่น ราคา, สถานที่, สิ่งอำนวยความสะดวก, ห้องพักและคุณลักษณะอื่นๆ หรือรีวิว
จากนั้นกำหนดคะแนนแต่ละหัวข้อเต็ม 10 (หรือเกณฑ์คะแนนอื่นก็ได้) แล้วให้คะแนนโรงแรมของคุณและโรงแรมคู่แข่งตามเกณฑ์
จากนั้น คิดค่าเฉลี่ยของคะแนนแต่ละหัวข้อและวาดลงบนกราฟ ดังนี้:
3. หาโอกาสในการปรับกลยุทธ์การบริหารรายได้ของคุณ
คุณควรเห็นได้ทันทีเลยว่า โรงแรมไหนตั้งราคาห้องพักสูงเกินไปและโรงแรมไหนต่ำเกินไป เมื่อมองเห็นจุดนี้แล้วก็หาทางเอาชนะหรืออย่างน้อยก็ลองปรับปรุงประสิทธิภาพของตนเอง
ยกตัวอย่างเช่น หากโรงแรม A มีราคาห้องพักสูงสุดในลิสต์โรงแรมคู่แข่ง เมื่อเปรียบเทียบกับคุณแล้วถือว่าสูงกว่ามาก แต่มีคุณภาพหรือความคุ้มค่ามากกว่าเล็กน้อยเท่านั้น คุณสามารถเพิ่มราคาห้องพักของคุณโดยไม่กระทบต่อยอดจองใด ๆ ในทำนองเดียวกัน หากโรงแรมคุณมีคุณภาพดีกว่าหรือให้ความคุ้มค่าได้มากกว่า คุณสามารถตั้งราคาห้องพักได้ถึงระดับเดียวกันกับโรงแรม A และยังคงได้รับส่วนแบ่งที่ดีที่สุด – วิธีนี้เป็นการเพิ่มกำไรของคุณอย่างมีนัยสำคัญเลย
ในทางกลับกัน หากคุณเห็นแล้วว่า โรงแรม A ให้ความคุ้มค่าต่อลูกค้ามากกว่าแน่นอน คุณอาจจะต้องลดราคาห้องพักลงเพื่อให้ได้ยอดจองที่เพียงพอ จากนั้นลองหาวิธีเพิ่มรายได้จากการ Upsell, บริการเสริม และรายได้เสริมอื่น ๆ
เคล็ดลับการสร้างรายงานโรงแรมคู่แข่งที่ดีที่สุด
ในการวางแผนและวิเคราะห์คู่แข่งมักจะมีหลายสิ่งให้คิดอยู่เสมอ และนี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณวางแผนวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้อง:
- มองหาเป้าหมายระหว่างทาง – คุณหวังที่จะเพิ่มรายได้, เพิ่มประสบการณ์การเข้าพักที่ดีของแขก, ปรับปรุงชื่อเสียงบนช่องทางออนไลน์ให้ดีขึ้น, เพิ่มคุณค่าให้กับธุรกิจ, หรืออื่น ๆ?
- ให้ความสำคัญกับข้อมูลบางประเภทเหนือสิ่งอื่น – พิจารณาดูว่าข้อมูลชุดไหนที่สำคัญกับคุณที่สุดเมื่อมีการเปรียบเทียบโรงแรม ยกตัวอย่างเช่น รีวิว เพราะรีวิวสามารถบอกอะไรคุณได้หลายอย่างและมาจากแหล่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ แขกผู้ใช้บริการจริง หากคุณกำลังคิดว่าจะรวบรวมข้อมูลอะไรบ้างสำหรับการวิเคราะห์คู่แข่ง แนะนำว่าควรพิจารณาข้อมูลกับเป้าหมายและ KPI ของคุณเข้าด้วยกัน
- อย่าลืมติดตามกิจกรรมบนช่องทางออนไลน์ – คอยติดตามว่าโรงแรมคู่แข่งมีการเคลื่อนไหวอย่างไรบนโลกออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย จะช่วยให้คุณเปรียบเทียบตำแหน่งของคุณกับของพวกเขาได้ รวมถึงเว็บไซต์ OTA ที่พวกเขาใช้หรือการใช้คีย์เวิร์ดหลักเพื่อให้แสดงผลการค้นหาบนหน้า Google
- อย่ากำหนดตัวเลือกมากเกินไป – แนะนำให้กำหนดโรงแรมคู่แข่งไม่เกิน 10 แห่ง เพราะหากมากเกินไปจะรู้สึกเหนื่อยและสับสน อีกทั้งยังส่งผลให้สิ่งที่ทำมาไม่เกิดประโยชน์มากนัก
- อย่าวิเคราะห์ไว้แล้วลืม – จะดีกว่าหากเริ่มวิเคราะห์ในช่วงต้นปีงบประมาณ แต่ก็ยังสามารถสร้างการวิเคราะห์ได้เป็นประจำเช่นกัน เพื่อช่วยติดตามความต้องการและอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของโรงแรมคุณและโรงแรมคู่แข่ง
กลยุทธ์เอาชนะโรงแรมคู่แข่ง
หลังจากกำหนดโรงแรมคู่แข่งที่ใกล้เคียงกับคุณที่สุดและตั้งราคาห้องพักได้อย่างเหมาะสมแล้ว จะทำอย่างไรต่อเพื่อให้ได้เปรียบในสนามนี้?
ตลาดโรงแรมระดับท้องถิ่นถือเป็นสนามแข่งที่ดุเดือดเหมือนกับการต่อสู้กันเพื่อแย่งลูกค้า การรักษาผลกำไรให้อยู่ในระดับดีอย่างสม่ำเสมออาจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะหากทำเลที่ตั้งของคุณอิ่มตัวและโรงแรมคู่แข่งก็ทำงานหนักในการเพิ่มรายได้ห้องพักเฉลี่ยรายวัน
คุณต้องหาหนทางสร้างมาตรฐานให้ข้อเสนอโรงแรมของคุณดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งอาจใกล้เคียงหรือเหนือกว่าโรงแรมคู่แข่งในระแวกเดียวกัน
และนี่คือกลยุทธ์เอาชนะคู่แข่งที่เราแนะนำ:
1.ติดตามความเคลื่อนไหวของโรงแรมคู่แข่ง
SiteMinder พบว่า เจ้าของที่พักแค่ 47% ที่คอยติดตามคู่แข่งของพวกเขาอย่างจริงจัง ในขณะที่อีก 49% ติดตามแต่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก และอีก 3% ไม่ให้ความสนใจเลย ซึ่งการเชื่อมั่นในแผนธุรกิจของตนเองเป็นเรื่องดี แต่ส่วนหนึ่งของแผนต้องพึ่งกิจกรรมของโรงแรมคู่แข่งด้วย
หมายความว่าคุณต้องใส่ใจกับราคาและโปรโมชันของพวกเขาเพื่อให้คุณตอบสนองได้ทันทีและเหมาะสม ตัวอย่างเช่น หากคุณกำหนดราคาค่าห้องพักเท่ากับราคาของคู่แข่ง และอีก 1 ห้องพักตั้งราคาสูงกว่าเล็กน้อย คุณยังสามารถดึงดูดคนที่มองหาข้อเสนอพิเศษได้โดยไม่ต้องเสียโอกาสเพิ่มรายได้ทั้งหมด
นี่คือวิธีติดตามอัปเดตข้อมูลสิ่งที่คู่แข่งกำลังทำ:
- ตั้งนาฬิกาเตือนและแจ้งเตือนเมื่อราคาห้องพักเปลี่ยนแปลงด้วยเครื่องมือตั้งราคาอัจฉริยะ
- สมัครสมาชิกเพื่อรับอีเมล
- กดติดตามช่องทางโซเชียลมีเดีย
- วิเคราะห์ SEO ของพวกเขาแล้วนำมาปรับให้เหมาะสมกับของตัวเอง
2. ใช้เครื่องมือระบบข้อมูลราคาโรงแรมอัจฉริยะเพื่อ ‘รับรู้ข้อมูล’
เครื่องมือข้อมูลราคาโรงแรมอัจฉริยะจะให้ข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ รวมถึงข้อมูลเชิงลึกราคาห้องพักของโรงแรมคู่แข่ง ใช้ข้อมูลที่ได้ในการตัดสินใจตั้งราคาห้องพักเพื่อให้สู้กับโรงแรมอื่นได้
3. เอาชนะด้วยโปรโมชัน
เพิ่มโอกาสเอาชะใจแขกด้วยการเปรียบเทียบโปรโมชันของคุณกับคู่แข่ง เช่น หากพวกเขาให้ส่วนลดสำหรับพัก 2 คืน คุณอาจเสนอดีลสำหรับพัก 3 คืนและทำให้รายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงการสร้างรายได้เพิ่มเติมในระหว่างเข้าพัก คุณยังสามารถใช้การวิเคราะห์เพื่อเพิ่มมูลค่าและเพิ่มยอดการจองช่วงกลางสัปดาห์ได้ด้วย
4.รับฟังความคิดเห็นของแขก
แขกของคุณสามารถชี้จุดแข็งและจุดอ่อนโรงแรมของคุณได้อย่างชัดเจน ทำให้คุณสามารถรับรู้จุดที่ความปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ บางทีพวกเขาก็เป็นเครื่องชี้บ่งที่ดีในการเปรียบเทียบคุณและคู่แข่ง ดังนั้น อย่าลืมบรีฟพนักงานส่วนหน้าให้รับฟังความเห็นและรายงานกลับอย่างสม่ำเสมอ
เพราะฟีดแบคลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คุณต้องทำงานหนักเพื่อให้ได้รับรีวิวออนไลน์ที่ดีเยี่ยม เพราะการทำเช่นนั้น คุณจะมีข้อได้เปรียบในการเพิ่มอัตราค่าบริการของคุณ
5. หาความรู้และทักษะการจัดการเพิ่มเติม
ยิ่งคุณมีความรู้ด้านอาชีพ, อุตสาหกรรม และตลาดในพื้นที่มากเท่าไหร่ จะง่ายต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น มีหลายวิธีที่คุณสามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้ เช่น:
- ติดตามผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ
- ศึกษาในสิ่งที่ไม่รู้
- ติดตามจดหมายข่าวในวงการอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว
- ติดตามบุคคลที่เกี่ยวข้องและมีชื่อเสียงบนโซเชียลมีเดีย
6. ทบทวนธุรกิจของคุณ
แม้การติดตามโรงแรมคู่แข่งจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่การลอกเลียนแบบพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่มีประโยชน์ คุณควรโฟกัสไปยังจุดขายที่สร้างความพิเศษให้กับโรงแรมคุณ และเน้นจุดขายนี้ในตลาดเพื่อสร้างความแตกต่างให้แขกรู้สึกสนใจ
เพิ่มคุณภาพการบริการเพื่อให้นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายกลายมาเป็นลูกค้าประจำระยะยาว สิ่งนี้จะช่วยให้อัตราการจองโรงแรมโดยตรงสูงขึ้น ทำให้รายได้มากขึ้นและคุณสามารถกำหนดราคาได้ยืดหยุ่นขึ้นด้วย การเพิ่มอัตราการจองโดยตรง เป็นการลดต้นทุนและสร้าง Brand Awareness ได้มากขึ้น
หากมีโรงแรมคู่แข่งใหม่เข้ามา อย่าเพิ่งตกใจและรีบปรับราคาของคุณให้เท่ากับเขา เพราะอาจมีข้อเสนอบริการทั่ว ๆ ไป และถ้าพวกเขาดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ได้ คุณก็สามารถปรับแผนเพื่อใช้ประโยชน์จากการกระทำของพวกเขา
7. เก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์
เมื่อแนวโน้มทางการตลาดและอัตราค่าบริการของคู่แข่งของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันที คุณก็ต้องได้รับข้อมูลในทันทีเช่นกัน ด้วยระบบข้อมูลราคาอัจฉริยะอย่าง ฟีเจอร์ข้อมูลเชิงลึกของ SiteMinder จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลดังกล่าวได้ทันเวลา
และยังช่วยให้คุณติดตามโรงแรมคู่แข่งพร้อมรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกฎที่คุณสร้างไว้ก่อนหน้านี้
เครื่องมือประเภทนี้ จะช่วยยกระดับการทำงานในแง่คาดการณ์ความต้องการของตลาดโรงแรมระดับท้องถิ่น หมายความว่า คุณสามารถตั้งราคาห้องพักได้อย่างถูกต้องมากขึ้นและไม่สูญเสียรายได้อย่างเปล่าประโยชน์
สุดท้ายแล้ว เป้าหมายของการวิเคราะห์เปรียบเทียบคุณกับคู่แข่ง คือ แนวทางช่วยให้โรงแรมของคุณดำเนินการอย่างเหมาะสมในรูปแบบของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องทำตามคนอื่นทั้งในแง่ราคาและภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่แสดงตัวตนที่แท้จริงอย่างมั่นใจด้วยคุณค่าของแบรนด์ตัวเอง เซอร์วิสที่ดี เเละความน่าเชื่อถือ