การคาดการณ์ธุรกิจโรงแรม คืออะไร?
การคาดการณ์ธุรกิจโรงแรม(Hotel Forecasting) คือ การวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังและปัจจุบัน เพื่อนำมาคาดการณ์ในเชิงธุรกิจโดยพิจารณาถึงความต้องการที่พักและรายได้ในอนาคต
การคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจโรงแรมสามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคตและช่วยเพิ่มโอกาสในคุณแก้ไขความผิดพลาดในอดีตและปรับใช้ให้ถูกต้องในปัจจุบัน พร้อมเพิ่มผลกำไรงาม ๆ และยังช่วยเตรียมความพร้อมในการรับมือเมื่อเกิดปัญหาหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
แม้ว่าจะคาดการณ์ไม่ได้บ้างในบางครั้ง โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์โควิด-19 การคาดการณ์ก็ยังเป็นส่วนสำคัญในการบริหารโรงแรมและสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่องกลยุทธ์การจัดการรายได้ได้
ไม่ว่าคุณจะเจ้าของโรงแรมมือใหม่หรือดำเนินกิจการมานานแล้ว การทำความเข้าใจความแตกต่างของการคาดการณ์ อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมธุรกิจให้กับโรงแรมของคุณได้
สารบัญ
การคาดการณ์ห้องว่างของโรงแรม คืออะไร?
การคาดการณ์ห้องว่างของโรงแรม คือ เครื่องมือคาดการณ์ที่เจ้าของโรงแรมใช้ประเมินจำนวนห้องว่างที่พร้อมขายในช่วงเวลาที่กำหนด โดยการคาดการณ์นี้จะคำนวณได้จาก จำนวนห้องพักทั้งหมด – จำนวนห้องพักที่คาดว่าจะมีแขกเข้าพัก
ผลลัพธ์จะช่วยให้ผู้จัดการโรงแรมมีไอเดียในการจัดการห้องว่างที่เหลือ ตัดสินใจตั้งราคา โปรโมชัน และช่องทางขายได้อย่างเหมาะสม
ความสำคัญของการคาดการณ์ในอุตสาหกรรมโรงแรม
การคาดการณ์จำเป็นต่อการวางแผนกลยุทธ์ตั้งราคาและจัดการรายได้ หากไม่มีการคำนวณอย่างถี่ถ้วน คุณจะได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและทำให้การคาดการณ์อัตราจองห้องพักในอนาคตไม่แม่นยำ
หากไม่มีการคาดการณ์ คุณจะไม่ได้วางแผนและตั้งราคา คิดโปรโมชันหรือแพ็คเกจสำหรับเดือนต่อๆ ไปอย่างเหมาะสม
ฉะนั้น การคาดการณ์ธุรกิจโรงแรมที่ดี จะช่วยให้คุณให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดในช่วงไฮซีซั่นและจัดการช่วงโลว์ซีซันได้ง่ายขึ้น
การทำนายที่แม่นยำมากขึ้น, ลดงาน
เรียนรู้เพิ่มเติมวิธีอ่านรายงานการคาดการณ์รายได้สำหรับธุรกิจโรงแรม
รายงานรายได้โรงแรม จะมีรายละเอียดการเงินทั้งหมด รวมถึงผลประกอบการล่าสุด โอกาสความก้าวหน้า และชาเลนจ์ที่น่าสนใจ
ไม่ว่าคุณจะลงสนามบริหารธุรกิจโรงแรมมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม การเรียนรู้รายละเอียดรายงานนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาโรงแรมของคุณไปสู่การเติบโตและผลกำไร และนี่คือวิธีอ่านรายงานรายได้ที่คุณควรทราบ:
รายงานรายได้โรงแรม จะมีรายละเอียดการเงินทั้งหมด รวมถึงผลประกอบการล่าสุด โอกาสความก้าวหน้า และชาเลนจ์ที่น่าสนใจ
ไม่ว่าคุณจะลงสนามบริหารธุรกิจโรงแรมมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม การเรียนรู้รายละเอียดรายงานนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาโรงแรมของคุณไปสู่การเติบโตและผลกำไร และนี่คือวิธีอ่านรายงานรายได้ที่คุณควรทราบ:
ทำความเข้าใจตัวชี้วัดความสำเร็จ
รายได้เฉลี่ยรายวัน (ADR), รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมด (RevPAR) และรายได้รวม เป็นตัวชี้วัดสำคัญนการคาดการณ์รายได้โรงแรม การเรียนรู้ว่าตัวชี้วัดแต่ละอย่างหมายถึงอะไร จะช่วยให้คุณเห็นภาพการทำงานและส่วนต่าง ๆ ของโรงแรมได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
วิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง
การวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง เป็นพื้นฐานของการคาดการณ์ธุรกิจโรงแรม คุณสามารถคาดเดาความต้องการในอนาคตอย่างแม่นยำได้ด้วยการตรวจสอบแนวโน้มของรายได้ที่ผ่านมา, ความเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและความต้องการของลูกค้า ซึ่งการวิเคราะห์เหล่านี้ จะช่วยให้คุณมองเห็นแพทเทิร์นของการเปลี่ยนแปลงและความผิดปกติที่อาจจะส่งผลต่อรายได้ในอนาคต
แบ่งกลุ่มตลาด
การแบ่งกลุ่มตลาด หมายถึง การจัดกลุ่มกลุ่มเป้าหมายตามหมวดหมู่ เช่น ข้อมูลประชากร, ช่องทางการจอง หรือจุดประสงค์ในการเข้าพัก โดยทำความเข้าใจว่ากลุ่มไหนสร้างรายได้ให้กับคุณมากที่สุด คุณก็จะสามารถวางกลยุทธ์การตลาดและการเงินเพื่อดึงดูดแขกจากทางนั้นให้มากขึ้น พร้อมกับรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ให้กลับมาใช้บริการที่คุณไปอีกนาน ๆ
คาดการณ์ความต้องการของตลาดและลูกค้า
การคาดการณ์ความต้องการในอนาคต เป็นกุญแจสำคัญในการตั้งราคาห้องพักและโปรโมชัน คุณสามารถประเมินจำนวนของแขกที่คาดว่าจะเข้าพัก ณ ช่วยเวลานั้น ๆ ได้จากวิธีการจอง, อีเว้นท์ตามปฏิทิน และภาวะของตลาด สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณจัดการห้องพักในมือและกำหนดราคาได้ดีขึ้น
อัตราการเข้าพัก
อัตราการเข้าพัก คือ เปอร์เซ็นต์ของห้องพักที่ขายได้ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ยิ่งมีอัตราการเข้าพักมาก หมายความว่าที่พักของคุณมีความต้องการสูงมในช่วงนั้น และหากช่วงไหนอัตราการเข้าพักต่ำ คุณก็สามารถสร้างข้อเสนอสุดพิเศษหรือปรับราคาห้องพักให้เหมาะสมไปตามสถานการณ์ การติดตามอัตราการเข้าพักเป็นประจำ จะช่วยให้คุณตัดสินใจจัดการรายได้ได้ดียิ่งขึ้น
ปัจจัยภายนอกและเทรนด์ของตลาด
นอกเหลือจากข้อมูลภายในแล้ว ปัจจัยภายนอกก็อาจส่งผลกระทบภาพรวมของรายได้ได้เช่นกัน ในรายงานการคาดการณ์ของคุณ อาจมีข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในพื้นที่และทั่วโลก, อีเว้นท์ภายในจังหวัด การทำงานของโรงแรมคู่แข่ง และเทรนด์การท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง เป็นต้น การตื่นตัวกับปัจจัยเหล่านี้จะช่วยสร้างความมั่นใจในการคาดการณ์รายได้อย่างครอบคลุมและแม่นยำไปอีกระดับ
วิธีคาดการณ์รายได้โรงแรมอย่างมีประสิทธิภาพ
ผลของการคาดการณ์ คือ ความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด เพิ่มประสิทธิภาพอัตราการเข้าพัก และเพิ่มรายได้ให้มากที่สุด
การคาดการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ หมายถึง การพิจารณาหลายปัจจัยอย่างถี่ถ้วน เช่น ตัวชี้วัดความสำเร็จ อย่าง จำนวนผู้เข้าพัก, Room Night และรายได้เฉลี่ยรายวัน (ADR) และรวมถึงการจัดสรรพนักงานและจัดหาทรัพยากรด้วย
ยิ่งรวบรวมข้อมูลได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงอยู่เสมอคือ การคาดการณ์โรงแรม มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่ใช่สูตรเป๊ะ ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้ตลอด
คุณควรตรวจสอบผลการทำงานรายสัปดาห์หรือรายเดือน เพื่อให้รวบรวมข้อมูลใหม่ ๆ และนำมาวัดประสิทธิภาพการทำงานดูว่าอะไรถูกอะไรผิด วิธีนี้จะช่วยให้คุณปรับแผนกลยุทธ์และอัปเดตข้อมูลล่าสุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลประกอบการให้ดียิ่งขึ้น
การคาดการณ์ธุรกิจโรงแรมขั้นพื้นฐาน ควรพิจารณาจากผลงานย้อนหลังและแนวโน้มของตลาด เพราะสามารถช่วยสรุปสิ่งที่พลาด, สิ่งที่คาดหวังได้ และมองเห็นวิธีพัฒนาศักยภาพโรงแรมได้ในเดือน, ไตรมาส หรือปีถัดไป
วิธีคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจโรงแรม
วิธีเริ่มต้นคาดการณ์ธุรกิจโรงแรมอย่างง่าย คือ การใช้ข้อมูลย้อนหลังเพื่อคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคต
ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะเลือกประวัติการทำงานของเดือนเมษายน (หรือเดือนอื่น) แล้วตรวจสอบตามเช็กลิสต์เหล่านี้:
- คำนวณ Room Night (จำนวนห้องที่มีผู้เข้าพัก x จำนวนคืนที่แต่ละห้องถูกจอง)
- อัตราการเข้าพัก
- รายได้เฉลี่ยรายวัน
- รายได้รวม
- ค่าเฉลี่ยระยะเวลาเข้าพัก
- ระยะเวลาการจองห้องพัก
จากข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถคาดการณ์ตัวเลขที่ใกล้เคียงกันในเมษายนของปีหน้า และสร้างกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและเพิ่มผลกำไรได้
และถ้าใช้โมเดลการคาดการณ์โรงแรมระดับสูง ทางโรงแรมก็สามารถดูข้อมูลตามการแบ่งกลุ่มจากวิธีพื้นฐานด้านบนได้อีกด้วย
โดยมีการพิจารณาสิ่งอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การจองแบบกลุ่ม หรือ ความต้องการที่เกิดจากเหตุการณ์พิเศษ
ยกตัวอย่างเช่น หากมีบริษัทจองทริปแบบครั้งเดียว คุณสามารถรู้ได้เลยว่ายอดการจองจากบริษัทนี้จะไม่รวมอยู่ในรายได้ของปีหน้า และสามารถหาทางเติมช่องโหว่ตรงนี้ให้เต็มตามจำนวนคืนที่มีห้องว่างหรือสร้างรายได้เพิ่มจากการคาดการณ์การจองอื่น ๆ แทน
และเพื่อให้การคาดการณ์การจัดการรายได้ดีขึ้น ไม่ควรมองข้ามการตั้งราคาของโรงแรมคู่แข่งและภาวะตลาดโดยรวมด้วย เพราะข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีความชัดเจนและตั้งราคาได้ยืดหยุ่นมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจตั้งราคาห้องพักตามฤดูกาล, กำหนดเป้าหมายใหม่, สร้างโปรโมชันใหม่ หรือทำการตลาดด้วยการเปรียบเทียบเพื่อเอาชนะคู่แข่ง
ทำความรู้จักกับการคาดการณ์ความต้องการสินค้าและบริการในอุตสาหกรรมโรงแรม
Demand Forecasting หรือ การคาดการณ์ความต้องการสินค้าและบริการ มีความสำคัญต่อการคาดการณ์จำนวนแขก, การปรับกลยุทธ์กำหนดราคา, การจัดสรรพนักงาน และการตลาดให้เหมาะสม และนี่คือข้อสรุปภาพรวมที่คุณควรรู้:
- ข้อมูลย้อนหลัง เป็นประวัติการจองห้องพักที่ผ่านมากและแนวโน้มการเข้าพักของแขกที่สามารถคาดการณ์ความต้องการในอนาคตได้
- แบ่งกลุ่มตลาด คือ แบ่งกลุ่มเป้าหมาย เช่น นักเดินทางเพื่อธุรกิจ หรือ นักท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน เพื่อปรับกลยุทธ์การขายให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม
- อัตราการจอง ติดตามอัตราการจองเพื่อประเมินความต้องการที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง
- อีเว้นท์พิเศษและวันหยุดตามเทศกาล ติดตามอีเว้นท์ในเมืองของคุณและวันหยุดเทศกาลที่เป็นช่วงความต้องการที่พักสูง
- ปัจจัยภายนอก นึกถึงภาวะเศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์ทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรม
- เทคโนโลยี ใช้เครื่องมือโซลูชันที่มีเสถียรภาพ แม่นยำ และคาดการณ์ด้วยระบบอัตโนมัติ.
การคาดการณ์ความต้องการอย่างละเอียดรอบคอบ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด พร้อมเพิ่มความมั่นใจในการสร้างผลกำไรและความพอใจของแขกได้อีกระดับ
แนวทางการคาดการณ์รายได้โรงแรมที่ดีที่สุด
สิ่งที่สำคัญในการรวบรวมข้อมูลและคาดการณ์ธุรกิจโรงแรม คือ ความถูกต้อง และข้อมูลทั้งหมดต้องเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการโรงแรมด้วย
และนี่คือสิ่งที่ควรคำนึงอยู่เสมอเมื่อคาดการณ์รายได้โรงแรม:
- ข้อมูลย้อนหลังของผลประกอบการและเทรนด์ของตลาด
- ข้อมูลโรงแรมปัจจุบัน เช่น การจองล่าสุด, โปรโมชันหรือแคมเปญการตลาดที่ผ่านการคัดกรองมาอย่างดี และยอดการเข้าชมเว็บไซต์และคอนเวอร์ชัน
- เทรนด์ตลาดปัจจุบัน เช่น จำนวนนักท่องเที่ยวมายังเมืองของคุณเพิ่มขึ้นหรือลดลง หรือ การเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากภาวะตลาด
- ตรวจสอบว่าได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง รวมถึงประสิทธิภาพของช่องทางขายแต่ละแพลตฟอร์ม ประเภทการเดินทาง (เช่น เดินทางเพราะงานหรือพักผ่อน) ข้อมูลประชากร และตัวชี้วัด เช่น RevPAR
- ติดตามอีเว้นท์ วันหยุดเทศกาล และสภาวะโดยรวมทั่วโลกอยู่เสมอ
- ตรวจสอบผลการทำงานและคาดการณ์ร่วมกันเสมอ เพื่อการตัดสินใจที่อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- พิจารณาการทำงานของโรงแรมคู่แข่ง
- เปรียบเทียบการจองของผู้เข้าพักรายใหม่กับการจองจากผู้เข้าพักรายเดิมเพื่อช่วยกำหนดกลยุทธ์ของคุณ
- พยายามลดข้อผิดพลาด เช่น แบ่งกลุ่มเป้าหมายไม่ถูกต้อง, การจองซ้ำซ้อน, การจองที่รอดำเนินการ, การจองเกินจำนวน, ราคาห้องพักแต่ละแพลตฟอร์มไม่ตรงกัน หรือวันจองไม่ถูกต้อง