Skip to main content

อัตรากำไรโรงแรม: คู่มือสร้างกำไรให้ธุรกิจโรงแรม

  โพสต์ใน แหล่งข้อมูล   ปรับปรุงล่าสุด 10/12/2024

อัตรากำไรโรงแรม (hotel profit margin) คืออะไร?

อัตรากำไรโรงแรม คือ เปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างพนักงาน ค่าบำรุงรักษา และค่าการตลาด อัตรากำไรนี้สะท้อนให้เห็นสุขภาพทางการเงินของโรงแรม – ยิ่งอัตรากำไรสูง ก็ยิ่งแสดงว่าโรงแรมทำกำไรได้ดี

เราสามารถปรับอัตรากำไรของโรงแรมและที่พักได้หลายวิธี ตั้งแต่การลดค่าใช้จ่าย ไปจนถึงการเพิ่มรายได้ในบางส่วน เพื่อช่วยให้ภาพรวมทางการเงินดีขึ้น

ในเมื่อตลาดโรงแรมทั่วโลกคาดว่าจะมีรายได้สูงถึง 426.40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ คุณจึงควรรู้วิธีที่จะดึงรายได้เข้าโรงแรมของคุณให้ได้มากที่สุด

บทความนี้จะเป็นคู่มือที่ครบถ้วนเกี่ยวกับอัตรากำไรโรงแรม และวิธีที่คุณจะเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจโรงแรมหรือที่พักของคุณ

สารบัญ

ทำไมการวัดอัตรากำไรโรงแรมถึงสำคัญ?

มีหลายเหตุผลที่คุณควรวัดอัตรากำไรของโรงแรม:

  • ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมสุขภาพทางการเงินของธุรกิจได้ชัดเจน คุณจำเป็นต้องรู้ว่ากำลังได้กำไรหรือขาดทุนอยู่เป็นประจำ
  • ใช้เทียบกับมาตรฐานอุตสาหกรรมและข้อมูลของคู่แข่งที่มีอยู่ เพื่อประเมินว่าคุณอยู่ระดับไหนในตลาด
  • เมื่อเข้าใจอัตรากำไรอย่างละเอียด จะช่วยให้คุณตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้ดีขึ้น เช่น ควรลงทุนตรงไหนเพื่อพัฒนาธุรกิจต่อไป

นอกจากนี้ ยิ่งอัตรากำไรดี คุณก็จะยิ่งอยู่ในจุดที่ดีหากต้องการขายกิจการในอนาคต หรือเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น อย่างเช่นที่เคยเจอกับโควิด-19

คำนวณอัตรากำไรโรงแรมยังไง?

อัตรากำไรโรงแรมคำนวณจากเปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่เหลือ หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นค่าพนักงาน ค่าการตลาด ค่าซ่อมบำรุง ค่าสาธารณูปโภค ค่าอาหาร ค่าจัดการขยะ และอื่นๆ

การคำนวณอัตรากำไรโรงแรมแบ่งเป็น 2 ขั้นหลักๆ::

  1. กำไรขั้นต้นจากการดำเนินงาน (GOP): สะท้อนประสิทธิภาพการดำเนินงานหลักของโรงแรม คำนวณโดยนำรายได้จากห้องพักทั้งหมด หักด้วยต้นทุนขาย (ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขายห้องพัก) แล้วนำตัวเลขที่ได้หารด้วยรายได้จากห้องพักทั้งหมด คูณ 100 จะได้เป็นเปอร์เซ็นต์ GOP
  2. กำไรสุทธิ: เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไรขั้นสุดท้าย คำนวณโดยนำ GOP มาหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด (เงินเดือน ค่าสาธารณูปโภค ค่าการตลาด ฯลฯ) แล้วนำตัวเลขสุดท้ายหารด้วยรายได้รวมของโรงแรม (รวมทั้งรายได้จากห้องพักและรายได้อื่นๆ) คูณ 100 จะได้เป็นเปอร์เซ็นต์กำไรสุทธิ

ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติว่าในช่วงเวลาหนึ่ง:

  • รายได้รวม = 120,000 ดอลลาร์
  • ต้นทุนขาย = 10,000 ดอลลาร์
  • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน = 55,000 ดอลลาร์
  • GOP = 120,000 – 10,000 = 110,000 ดอลลาร์
  • อัตรากำไรขั้นต้น (GOP) = (GOP / รายได้จากห้องพักทั้งหมด) × 100 = 110%
  • กำไรสุทธิ = GOP – ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน = 120,000 – 55,000 = 65,000 ดอลลาร์
  • อัตรากำไรสุทธิ = (กำไรสุทธิ / รายได้รวม) × 100 = 54%

โรงแรมทำกำไรได้จริงหรือเปล่า?

การเป็นทำธุรกิจโรงแรมแล้วจะทำกำไรได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย บางโรงแรมทำกำไรได้ดี แต่บางแห่งก็อยู่ไม่รอดในระยะยาว

เหมือนธุรกิจที่ขายให้ลูกค้าทั่วไป ความสามารถในการทำกำไรของโรงแรมขึ้นอยู่กับ:

แน่นอนว่านี่เป็นแค่ส่วนนึง ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่อธิบายทุกแง่มุมของการบริหารโรงแรมที่คุณต้องเรียนรู้เพื่อให้โรงแรมทำกำไรได้ ตอบสั้นๆ คือ โรงแรมทำกำไรได้ถ้าบริหารเป็น

อัตรากำไรสุทธิที่ดีสำหรับโรงแรมควรเป็นเท่าไร?

ถ้าพูดถึงอัตรากำไรสุทธิที่ควรตั้งเป้า โรงแรมส่วนใหญ่จะพอใจกับตัวเลขที่ราวๆ 15-20%

อัตรากำไรที่ถือว่าดีมากอยู่ที่ 25-35% ขณะที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-10%

โดยทั่วไป โรงแรมหรูและแบรนด์ใหญ่ๆ มักทำอัตรากำไรได้สูงกว่า ส่วนโรงแรมขนาดเล็กและแบรนด์อิสระมักได้อัตรากำไรต่ำกว่า

แต่โดยปกติแล้ว โรงแรมมักมีต้นทุนคงที่สูง ทำให้อัตรากำไรต่ำกว่าธุรกิจหลายอุตสาหกรรม

กำไรของโรงแรมมาจากอะไร?

โรงแรมมีรายได้มาจากสองทาง คือรายได้หลักและรายได้รอง

แหล่งรายได้หลักคือการขายห้องพักและแพ็คเกจที่มาพร้อมกับการจอง โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่สุดของแขกคือค่าห้องพัก

แหล่งรายได้รองอาจรวมถึงการขายอาหารและเครื่องดื่ม ค่าบริการสิ่งอำนวยความสะดวก บริการสุขภาพและความงาม คลาสกิจกรรม ค่าเช่าพื้นที่จัดงานและประชุม หรือขายตั๋วสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่

กำไรเกิดจากความสามารถในการขายบริการเหล่านี้ในราคาที่สูง ขณะที่รักษาต้นทุนให้ต่ำ และสร้างความประทับใจให้ตรงใจลูกค้า

วิธีเพิ่มกำไรให้โรงแรม

ก้าวแรกในการเพิ่มกำไรคือการวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรของโรงแรม นั่นคือการดูภาพรวมธุรกิจในปัจจุบัน ทั้งรายได้ ค่าใช้จ่าย และอัตรากำไร การรู้ว่าเงินเข้ามาและออกไปตรงไหนบ้างจะช่วยให้คุณเห็นว่าควรปรับปรุงส่วนไหนเป็นพิเศษ

เช่น คุณอาจพบว่ารายได้จากห้องพักสูงมาก แต่ถูกหักด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงพอๆ กัน หรืออาจพบว่ารายได้เสริมจากบริการอื่นๆ ยังน้อยเกินไป

มาดู 5 วิธีเพิ่มกำไรให้โรงแรมที่ได้ผลจริงกัน:

1. เพิ่มรายได้จากห้องพัก

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถ้าคุณสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด นั่นคือห้องพัก ได้มากขึ้น คุณก็จะเพิ่มกำไรได้แน่นอน

 

แต่ไม่ใช่แค่ขึ้นราคาห้องพักอย่างเดียว การเพิ่มรายได้จากห้องพักต้องใช้กลยุทธ์การตั้งราคาแบบไดนามิก ที่พิจารณาข้อมูลแบบเรียลไทม์ แต่ละช่วงของปี คู่แข่ง เทรนด์ของลูกค้า และอื่นๆ

คุณยังเพิ่มรายได้จากห้องพักได้ด้วยการเพิ่มมูลค่าผ่านแพ็คเกจ จัดโปรโมชั่น และเสนอบริการเสริมต่างๆ บางครั้งแขกแค่ต้องการแรงจูงใจนิดหน่อยเพื่อเปลี่ยนจากคนดูเป็นคนจอง

นอกจากนี้ ถ้าคุณศึกษาและแบ่งกลุ่มลูกค้า คุณอาจพุ่งเป้าไปที่กลุ่มที่พร้อมจ่ายมากขึ้นสำหรับห้องพักระดับพรีเมียม และมีแนวโน้มที่จะซื้อแพ็คเกจราคาสูง

2. เพิ่มรายได้เสริม

รายได้เสริมสามารถเป็นเงินก้อนใหญ่นอกเหนือจากรายได้ห้องพัก ไม่ว่าจะเป็นนวด ฟิตเนส บริการรถรับส่ง อาหารที่ร้านอาหารในโรงแรม อะไรก็ตามที่ไม่เกี่ยวกับห้องพักถือเป็นรายได้เสริมทั้งนั้น

คุณอาจพิจารณาถึงขั้นผลิตและขายสินค้าของตัวเอง เช่น จัดหาสบู่หรือผ้าปูที่ผลิตในท้องถิ่นมาขาย และรับค่าคอมมิชชั่น

3. ลดค่าใช้จ่าย

นอกจากเพิ่มรายได้จากห้องพัก การลดค่าใช้จ่ายของโรงแรมอาจส่งผลต่อกำไรมากที่สุด เนื่องจากธุรกิจโรงแรมมีค่าใช้จ่ายหลายด้าน นั่นหมายความว่าเรามีโอกาสลดต้นทุนได้หลายจุดเช่นกัน

ลองพิจารณาว่าจะประหยัดค่าไฟได้อย่างไร ลดขยะ ลดค่าทำความสะอาดและซ่อมบำรุง ลดต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และอื่นๆ

4. ติดตามตัวชี้วัดสำคัญ

การวัดความคืบหน้าและติดตามผลกำไรของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลักๆ

คุณควรหมั่นตรวจสอบตัวเลขต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น: รายได้รวมต่อห้องพักที่มี (TrevPAR) กำไรจากการดำเนินงานต่อห้องพักที่มี (GOPPAR) ต้นทุนต่อห้องที่มีแขกเข้าพัก (CPOR) ต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า (CPA) และตัวชี้วัดอื่นๆ

ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าควรหารายได้เพิ่ม หรือควรลดค่าใช้จ่ายลง

5. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์

ในการทำทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ไม่มีอะไรจะช่วยได้ดีเท่ากับการลงทุนในเทคโนโลยีที่ใช่

ปัจจุบันมีเครื่องมือและโซลูชันที่ช่วยในทุกด้าน ทั้งการบริหารรายได้ การจัดการโรงแรม และการสร้างความพึงพอใจให้แขก

การใช้เทคโนโลยีจะช่วยให้คุณทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัดสินใจได้แม่นยำขึ้นด้วยข้อมูลที่ดี เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ วางแผนกระบวนการและกลยุทธ์ที่ได้ผลมากขึ้น

เครื่องมือและวิธีไหนบ้าง ที่จะช่วยเพิ่มกำไรให้โรงแรมของคุณ?

อยากรู้ไหมว่าเทคโนโลยีแบบไหนที่จะช่วยเพิ่มกำไรให้โรงแรมของคุณได้ดีที่สุด?

นี่คือวิธีที่จะช่วยให้คุณขายห้องพักได้มากขึ้น เพิ่มมูลค่าห้องพัก กระตุ้นการใช้จ่ายของแขก และเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ชาญฉลาด:

  • ระบบจัดการช่องทางขาย (Channel Manager): ระบบที่ช่วยจัดการห้องพักแบบอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพ ให้คุณขายห้องพักผ่านหลายช่องทางพร้อมกันได้ไม่จำกัด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องห้องถูกจองซ้ำ หรือต้องคอยอัพเดทข้อมูลเอง
  • ระบบจองห้องพัก (Booking Engine): ช่วยเพิ่มกำไรด้วยการรับจองโดยตรง ไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันให้ช่องทางอื่น คุณยังสามารถสร้างแพ็คเกจสุดคุ้ม เสนอบริการเสริม และดึงดูดให้แขกซื้อบริการเพิ่มเติมได้ด้วย
  • ระบบชำระเงิน: ทำให้แขกจ่ายเงินได้ง่ายและสะดวก คุณก็รับเงินได้เร็วขึ้น ช่วยให้เงินหมุนเวียนดีขึ้น และลดปัญหาการจองค้างที่ทำให้เสียโอกาสขาย
  • ระบบวิเคราะห์ธุรกิจ: ให้ข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์และแม่นยำ ทำให้คุณรู้ทันความเคลื่อนไหวของราคา และเพิ่มโอกาสในการปรับราคาให้ได้กำไรสูงสุด
  • ระบบบริหารรายได้: เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวมืออาชีพ ที่คอยแนะนำการตั้งราคาที่เหมาะสม แจ้งเตือนเมื่อมีโอกาสทางธุรกิจ และสรุปรายงานละเอียดให้คุณ
โดย Dean Elphick

ดีนคือผู้เชี่ยวชาญการตลาดเนื้อหาซีเนียร์ของ SiteMinder, ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำที่ส่งผลกำไรที่ไม่เคยมีให้แก่เจ้าของโรงแรม. ดีนมีความสนใจในการเขียนและสร้างเนื้อหามาเป็นที่รักในชีวิตอาชีพของเขาทั้งหมด, ซึ่งรวมถึงมากกว่าหกปีที่ SiteMinder. ผ่านทางเนื้อหา, ดีนมีเป้าหมายที่จะให้การศึกษา, แรงบันดาลใจ, ความช่วยเหลือ และค่าความพิเศษให้แก่ธุรกิจที่ให้บริการที่ต้องการปรับปรุงวิธีการทำงานและบรรลุเป้าหมายของพวกเขา.