มาตรฐานการจัดอันดับระดับดาวของโรงแรม
ระดับดาวของโรงแรมคืออะไร?
ระดับดาวของโรงแรมคือตัวชี้วัดคุณภาพ ความสะอาดและมาตรฐานของโรงแรมที่ผ่านการยอมรับในระดับสากล ยิ่งได้รับระดับดาวสูง ก็จะยิ่งมีมาตรฐานการบริการสูงตามไปด้วย เช่น โรงแรม 1 ดาวให้บริการในระดับพื้นฐาน ในขณะที่โรงแรม 5 ดาว จะมอบประสบการณ์การเข้าพักหรูหราระดับไฮเอนท์
ระบบจัดระดับดาวของโรงแรมคืออะไร?
ระบบการจัดระดับดาวของโรงแรมอาจยังไม่แน่นอนหรือไม่มีเหตุผลชัดเจน แต่โดยทั่วไปแล้ว แขกมักจะนำมาใช้ในการตัดสินใจเลือกที่พักที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีมาตรฐานจัดระดับดาวหลายองค์กรในประเทศต่าง ๆ แต่ก็จัดอยู่ภายใต้แนวคิดพื้นฐาน นั่นก็คือ การมีระดับดาวสูงหมายถึงการให้บริการโดยรวมแก่ผู้เข้าพักที่ดีกว่า จึงเป็นเส้นทางสู่การดึงดูดความสนใจของลูกค้าในอนาคตด้วย
โดยพื้นฐานแล้ว ระดับดาวโรงแรมเป็นข้อพิสูจน์ทางสังคมที่มีอิทธิพลอย่างมาก โดยจะมาจากรีวิวของผู้เชี่ยวชาญและ/หรือแขกคนอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีคุณค่าหากคุณได้รับคะแนนการประเมินที่ดี
บล็อกนี้ จะพาคุณไปทำความรู้จักกับมาตรฐานการจัดระดับดาวโรงแรม – ความหมาย หลักการทำงาน และวิธีนำไปใช้กับธุรกิจโรงแรมของคุณ
สารบัญ
ความสำคัญของการจัดระดับดาวสำหรับธุรกิจโรงแรม
ระดับดาวโรงแรมเป็นการให้คะแนนที่เป็นอิสระและประเมินตามหลักเกณฑ์อย่างเป็นกลาง จึงเป็นระบบที่เชื่อถือได้ ซึ่งช่วยให้แขกเข้าใจถึงสิ่งที่พวกเขาสามารถคาดหวังได้อย่างสมเหตุสมผลเมื่อเข้าพักในโรงแรมนั้น ๆ
ความเข้าใจระดับคุณภาพของโรงแรมจะช่วยให้แขกสามารถเปรียบเทียบโรงแรมและตัดสินใจจองห้องพักได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น แขกอาจจะต้องการทราบว่าโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ใดราคาถูกที่สุด? หรือการจ่ายเงินเพิ่มสำหรับโรงแรม 5 ดาวคุ้มค่ากว่าการพักโรงแรม 3 ดาวหรือไม่ ดังนั้น ระดับดาวถือเป็นข้อมูลที่ช่วยให้การเปรียบเทียบและตัดสินใจเข้าพักโรงแรมเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น
ความหมายของระดับดาวสำหรับธุรกิจโรงแรม
ระดับดาวโรงแรมเป็นการประเมินที่เป็นอิสระและประเมินตามหลักเกณฑ์อย่างเป็นกลาง จึงเป็นระบบที่มีความน่าเชื่อถือและช่วยให้แขกเข้าใจถึงความคาดหวังในการเข้าพัก
มาตรฐานระดับดาวโรงแรมเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นความเข้าใจเกี่ยวกับคุณภาพของโรงแรม ซึ่งช่วยให้แขกมีสามารถเปรียบเทียบและตัดสินใจในการจองห้องพักได้ง่ายขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น แขกต้องการทราบว่าโรงแรม 5 ดาวที่ใดราคาถูกที่สุด? หรือการเพิ่มเงินเพื่อเข้าพักโรงแรม 5 ดาวคุ้มค่ากว่าการพักโรงแรม 3 ดาวหรือไม่ ข้อมูลระดับดาวจึงเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการเปรียบเทียบและตัดสินใจสำหรับการเข้าพักโรงแรม
More success, less work
หลักเกณฑ์มาตรฐานของระดับดาวโรงแรม
โดยปกติแล้ว การจัดอันดับดาวของโรงแรมมี 1 – 5 ระดับ ยิ่งระดับดาวมากขึ้นก็จะยิ่งมีความหรูหรามากขึ้น (และราคาสูงขึ้นด้วย) ซึ่งเป็นระบบให้คะแนนที่มีมาตรฐานตามลำดับระหว่างระดับล่างสุดและระดับสูงสุด
โดยความหมายของระดับดาวโรงแรมในประเทศออสเตรเลีย มีดังนี้
ความหมายของโรงแรมระดับ 1 ดาว
สำหรับผู้ที่ต้องการที่พักระดับพื้นฐาน โรงแรมระดับ 1 ดาวเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยโรงแรมระดับนี้จะให้บริการห้องพักที่สะอาดและปลอดภัยตามหลักความสะดวกและความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน แม้ราคาจะเป็นมิตรกับงบประมาณ แต่ก็อาจจะมีตัวเลือกบริการที่มีใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อยกระดับการเข้าพักให้ดีขึ้น
โรงแรมระดับ 1 ดาวเหมาะสำหรับนักเดินทางที่ให้ความสำคัญกับราคา โดยพิจารณาถึงความคุ้มค่าและความสะดวกสบายที่จำเป็นในระหว่างการเดินทางเป็นหลัก
ความหมายของโรงแรมระดับ 2 ดาว
โรงแรมระดับ 2 ดาว เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ใส่ใจเรื่องราคาแต่ก็ต้องการมองหาความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ซึ่งโรงแรมระดับนี้จะให้บริการห้องพักมาตรฐานทั่วไป พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพื้นฐานที่ค่อนข้างจำกัดโดยเน้นเฉพาะสิ่งที่จำเป็น การบริการที่มีรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจะช่วยให้การเข้าพักสะดวกสบายและไม่มีปัญหายุ่งยาก ทำให้เป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลสำหรับงบประหยัด
การรวมของความสบายและความคุ้มค่าไว้อย่าลงตัวทำให้โรงแรมระดับ 2 ดาวเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการเข้าพักระยะสั้นหรือการเดินทางเพื่อธุรกิจ
ความหมายของโรงแรมระดับ 3 ดาว
โรงแรมระดับ 3 ดาวเป็นตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับผู้ที่ต้องการที่พักมาตรฐารสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งแขกสามารถเพลิดเพลินไปกับห้องพักที่ได้รับการตกแต่งอย่างครบครัน โดยมีการเพิ่มเติมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การเข้าพักให้ดีมากยิ่งขึ้น พร้อมการให้บริการที่มีคุณภาพและเน้นความสำคัญไปยังการสร้างความพึงพอใจให้แก่แขก เป็นที่พักที่มีความลงตัวระหว่างความสะดวกสบาย คุณภาพ และความคุ้มค่า
โรงแรมระดับนี้เหมาะสำหรับการเดินทางเพื่อพักผ่อนและเชิงธุรกิจ จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่มีความต้องการหลากหลายในการเดินทาง
ความหมายของโรงแรมระดับ 4 ดาว
โรงแรมระดับ 4 ดาวเป็นตัวเลือกสำหรับแขกที่ต้องการที่พักมาตรฐานระดับสูง ซึ่งจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกคุณภาพสูงมากมายพร้อมกับการออกแบบและตกแต่งที่หรูหรางดงาม อีกทั้งยังให้บริการที่ยอดเยี่ยม ใส่ใจรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เป็นประสบการณ์การเข้าพักที่น่าจดจำสำหรับแขก
โรงแรมระดับ 4 ดาวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความลงตัวระหว่างความหรูหราและความสะดวกสบาย เหมาะสำหรับโอกาสพิเศษและนักเดินทางตัดสินอย่างรอบคอบเพื่อตัวเลือกที่ดีที่สุด
ความหมายของโรงแรมระดับ 5 ดาว
สำหรับแขกที่ต้องการความหรูหราและบริการที่ดีที่สุด โรงแรม 5 ดาวเป็นตัวเลือกระดับพรีเมียมที่ตอบโจทย์ เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับท็อปมากมาย พร้อมการตกแต่งอันสวยงามด้วยดีเทลสุดหรูหราตระการตา
โดยให้บริการอย่างครอบคลุมและตอบสนองทุกความต้องการของแขกเป็นรายบุคคล ซึ่งระดับความหรูหราและไม่เหมือนใครนี้ ทำให้การเข้าพักโรงแรมระดับ 5 ดาวเป็นประสบการณ์แสนพิเศษและน่าจดจำ สำหรับแขกคนสำคัญอย่างแน่นอน
โรงแรม 5 ดาวหมายถึงอะไร?
กลุ่มของโรงแรมระดับ 5 ดาวรวมถึงโรงแรมสไตล์หรูหราและมีชื่อเสียงโด่งดังมากจากทั่วโลก ตั้งแต่โรงแรม Burj al Arab สัญลักษณ์ของดูไบ ไปจนถึงโรงแรม The Plaza ที่มิดทาวน์แมนฮัตตันสุดหรู และโรงแรม The Westin Excelsior ที่มีประวัติศาสตร์ในโรม เป็นต้น
การให้บริการ สิ่งอำนวยความสะดวก การออกแบบและการตกแต่ง ทุกอย่างล้วนอยู่เกรดพรีเมียมและเป็นส่วนตัว เพื่อให้แขกสามารถพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับความสะดวกสบายและหรูหราของบรรยากาศโดยรอบพร้อมบริการระดับมืออาชีพที่พร้อมรับมือกับทุกความต้องการของแขก
อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ ทุกส่วนของการบริการ เช่น:
- ชุดอุปกรณ์ในห้องน้ำระดับไฮเอนด์
- บริการเปิดเตียงตอนกลางคืน (Turndown Service) เช่น เก็บผ้าคาดเตียง เปิดผ้าห่มรวมถึงปิดม่านให้ วางขนม น้ำ และรองเท้าสลิปเปอร์ให้ข้างเตียง เป็นต้น
- เสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าสลิปเปอร์
- ทีมแพทย์พร้อมให้บริการตลอดเวลา
- สมาร์ททีวีพร้อมบริการสตรีมมิ่งฟรี
- หนังสือพิมพ์รายวันที่หลากหลาย
- แสงสว่างของห้องในตอนกลางคืน
- เมนูหมอน (Pillow Menu)
- ม่านบังแสง
- บริการที่สระว่ายน้ำ
นอกจากนี้ บางครั้งอาจมีการเพิ่มคะแนนครึ่งดาวในกรณีที่โรงแรมอยู่ระหว่างการจัดอันดับดาว
หลักเกณฑ์การจัดระดับดาวของโรงแรม
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของระบบการจัดระดับดาวโรงแรมคือความเป็นอิสระและเป็นกลาง – ดังนั้น ทางโรงแรมจึงไม่สามารถจัดอันดับให้ตัวเองได้ ซึ่งผู้เข้าพักเองก็ต้องการคะแนนที่ไม่มีความลำเอียงเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ยกตัวอย่างจากประเทศออสเตรเลียอีกครั้ง ระดับดาวโรงแรมจะถูกประเมินด้วยหลักเกณฑ์กว่า 200 รายการโดยนักเดินทางชาวออสเตรเลีย ซึ่งสัญลักษณ์ดาวเป็นเครื่องหมายการค้าที่ได้รับใบอนุญาตเป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดอันดับโรงแรม และสามารถใช้ได้เฉพาะโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตจากสมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของออสเตรเลีย (ATIC) เท่านั้น – หมายความว่าผู้เข้าพักสามารถมั่นใจในระบบการจัดอันดับนี้ได้
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับโรงแรมรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก, คุณภาพของที่พัก, ความสะอาด, บริการด้านอาหาร, ความบันเทิง, วิว, ประเภทของห้องพักที่หลากหลาย, ความสะดวกในการเข้าถึง, สถานที่ตั้ง และอื่น ๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ระบบการจัดอันดับโรงแรมยังไม่มีหลักเกณฑ์ระดับสากลที่ยอมรับกันทั่วโลกอย่างเป็นทางการ จึงทำให้ระบบนี้ยังคงดูสับสนเมื่อต้องเปรียบเทียบโรงแรมระดับ 5 ดาวในสหรัฐอมเริกากับยุโรป
ผู้ประเมินระดับดาวโรงแรมคือใคร?
ในภูมิภาคและประเทศต่าง ๆ มีระบบการจัดอันดับเป็นของตนเอง ซึ่งบริหารจัดการโดยองค์กรต่าง ๆ โดยแต่ละองค์กรมีหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินที่แตกต่างกันตามรูปแบบขององค์กรนั้น ๆ และนี่คือภาพรวมของบางองค์กรที่มีชื่อเสียงทั่วโลกที่ประเมินการจัดอันดับระดับดาวให้กับโรงแรม:
AAA (American Automobile Association) – อเมริกาเหนือ
AAA เป็นหนึ่งในองค์กรที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับการจัดอันดับโรงแรมในสหรัฐอเมริกา องค์กรนี้ใช้ระบบการจัดอันดับแบบเพชร (Diamond Rating System) เริ่มตั้งแต่ 1 – 5 เพชร เพื่อประเมินคุณภาพของโรงแรมตามหลักเกณฑ์หลายอย่าง เช่น ความสะดวกสบาย ความสะอาด ความปลอดภัย และความพร้อมให้บริการ เป็นต้น
คู่มือการท่องเที่ยว Forbes – ทั่วโลก
Forbes Travel Guide หรือ คู่มือการท่องเที่ยว Forbes เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงด้านกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดและเป็นอิสระ เป็นระบบการจัดอันดับโรงแรม 1 – 5 ดาวระดับนานาชาติ โดยเน้นไปยังโรงแรมสไตล์หรูหราเป็นหลัก ซึ่งเกณฑ์การประเมินของ Forbes ไม่เพียงแค่ดูเรื่องคุณภาพของโรงแรมและสิ่งอำนวยความสะดวกเท่านั้น แต่ยังเจาะลึกไปถึงระดับของการให้บริการด้วย
AA (Automobile Association) – สหราชอาณาจักร
ในสหราชอาณาจักร ระบบการจัดอันดับดาวของ AA ได้รับการยอมรับในวงกว้าง โดยพิจารณาประเมินจากหลายปัจจัย เช่น การต้อนรับ การบริการ ความสะอาด และห้องนอน ซึ่งมีช่วงคะแนนตั้งแต่ 1 – 5 ดาว และอื่น ๆ เพิ่มเติมสำหรับโรงแรมระดับไฮเอนด์
DEHOGA (องค์กรสำหรับโรงแรมและร้านอาหารในเยอรมัน) – เยอรมนี
DEHOGA เป็นระบบจัดอันดับโรงแรมตั้งแต่ 1 – 5 ดาวในเยอรมนีโดยอิงจากหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น คุณภาพของห้องพัก การบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งจะให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและประสบการณ์ของแขกเป็นพิเศษ
องค์กรจัดอันดับการท่องเที่ยวแห่งแอฟริกาใต้ (TGCSA) – แอฟริกาใต้
ในแอฟริกาใต้ การจัดอันดับโรงแรมของ TGCSA มีการให้คะแนนตั้งแต่ 1 – 5 ดาว ซึ่งจะเน้นการให้มาตรฐานที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือสำหรับนักท่องเที่ยว โดยประเมินด้านบริการลูกค้า ความสะอาด และคุณภาพของสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นต้น
สมาคมโรงแรม Hotelstars Union – ยุโรป
Hotelstars Union เป็นพันธมิตรของสมาคมโรงแรมในยุโรปที่จัดระดับดาวโรงแรมตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนการประเมินมาตรฐานเดียวกันในประเทศสมาชิก โดยมีการจัดอันดับตั้งแต่ 1 – 5 ดาวจากการประเมินของสิ่งอำนวยความสะดวก คุณภาพของการบริการ และประสบการณ์การเข้าพักโดยรวมของแขก
มิชลินไกด์ – ทั่วโลก
ถึงแม้มิชลินไกด์จะเป็นที่รู้จักสำหรับการจัดอันดับร้านอาหาร แต่ความจริงแล้วยังรวมถึงโรงแรมด้วย โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชีย โดยเน้นไปยังโรงแรมหรูและสไตล์บูทีค มีหลักการประเมินจากความสะดวกสบาย คุณภาพ และการบริการเพื่อให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือสำหรับนักเดินทางที่ชอบมองหาสถานที่ที่มีคุณภาพและบริการที่ดี
JTB (Japan Travel Bureau) – ญี่ปุ่น
ในประเทศญี่ปุ่น JTB ให้บริการระบบการจัดอันดับโรงแรมโดยประเมินจากสิ่งอำนวยความสะดวก การบริการ และความเป็นมิตร ระบบของญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญกับลักษณะเฉพาะสไตล์ที่พักญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียกว่า “Ryoukans” อีกด้วย
ตัวอย่างเกณฑ์การจัดระดับดาวโรงแรม
คุณอาจจะสงสัยว่า: โรงแรมได้รับดาวอย่างไร? ซึ่งขึ้นอยู่กับระบบการให้คะแนนที่คุณได้รับการยอมรับ แต่มีบางแง่มุมที่โรงแรมระดับสูงมีความเชี่ยวชาญและคาดว่าเกณฑ์การประเมินโรงแรม ดังนี้:
- คุณภาพห้องพัก: ขนาดที่สะดวกสบาย ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณภาพ การเก็บเสียง ระบบปรับอากาศ/ระบบทำความร้อน และความสะอาดที่มีประสิทธิภาพ
- สิ่งอำนวยความสะดวก: สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น เช่น ห้องอาหาร ฟิตเนส และการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่มีคุณภาพ
- มาตรฐานห้องน้ำ: ความสะอาด มีน้ำร้อน และอุปกรณ์ตกแต่งที่มีคุณภาพ
- การบริการ: พนักงานระดับมืออาชีพ ระบบการเช็คอิน-เช็คเอาท์ที่ดี และการรับมือจัดการกับคำร้องขอจากแขกอย่างมีประสิทธิภาพ
- อาหารและเครื่องดื่ม: ตัวเลือกการรับประทานอาหารที่หลากหลายและคุณภาพสูง รวมถึงบริการรูมเซอร์วิส
- ความปลอดภัยและความมั่นคง: มาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดและการปฏิบัติตามกฎระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเป็นระบบ
- การซ่อมบำรุง: มีการบำรุงรักษาประจำของโรงแรม รวมถึงพื้นที่ร่วมและสิ่งอำนวยความสะดวก
- สถานที่ตั้ง: ใกล้เคียงกับสถานที่ท่องเที่ยวและสถานีรถรับ-ส่ง และความสะดวกในการเดินทางไปยังสถานที่นั้น ๆ
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: มีแนวทางการปฏิบัติที่ยั่งยืนและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- คุณสมบัติพิเศษ: เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกหรือบริการเฉพาะโรงแรมของคุณที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การเข้าพักที่ดีให้กับแขก
วิธีตรวจสอบระดับดาวโรงแรมของคุณ
มีหลายวิธีที่เจ้าของโรงแรมสามารถตรวจสอบระดับดาวในอดีตและปัจจุบันของโรงแรมตนเอง แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าการจัดอันดับขึ้นอยู่กับแต่ละหน่วยงาน จึงมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งสามารถเริ่มต้นได้จากปัจจัย ดังนี้:
- ตรวจสอบเอกสาร: หน่วยงานจัดอันดับโรงแรมหลายแห่งมักจะส่งเอกสารที่เป็นกระดาษสำหรับการจัดอันดับล่าสุดไปยังสถานที่ต่าง ๆ ลองตรวจสอบดูว่าคุณได้รับเอกสารดังกล่าวหรือไม่
- ติดต่อองค์กรโดยตรง: บางครั้งวิธีที่ง่ายที่สุดคือสิ่งที่ดีที่สุด ติดต่อหน่วยงานที่จัดอันดับโรงแรมในพื้นที่ของคุณและขอรายการอัปเดตระดับดาวปัจจุบันโดยตรง
- ตรวจสอบเว็บไซต์ทางการ: หน่วยงานจัดอันดับหลายแห่งมีการเผยแพร่การจัดอันดับโรงแรมบนเว็บไซต์ทางการของพวกเขา ค้นหาชื่อโรงแรมของคุณเพื่อดูว่ามีรายชื่อหรือไม่
- สอบถามจากองค์กรการท่องเที่ยวในพื้นที่: บางครั้งองค์กรการท่องเที่ยวในพื้นที่จะมีบันทึกและข้อมูลการจัดอันดับโรงแรมล่าสุด รวมถึงเว็บไซต์ของรัฐบาลในพื้นที่บางแห่ง แม้ว่าอาจจะตรวจสอบได้ยากขึ้นก็ตาม
วิธีเพิ่มระดับดาวให้กับโรงแรมของคุณ
การยกระดับโรงแรมของคุณให้ได้รับคะแนนดาวที่สูงขึ้นสามารถช่วยเพิ่มอัตราการเข้าพักให้มากขึ้นในราคาที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะทำได้อย่างไร? และนี่คือเคล็ดลับที่ดีที่สุดของเรา:
1. พูดคุยกับหน่วยงานที่ประเมินโรงแรมของคุณ
พวกเขาสามารถบอกถึงเกณฑ์การประเมินที่ใช้ในการจัดอันดับและจุดที่คุณอาจจะต้องปรับปรุงหรือเพิ่มเติมเพื่อก้าวไปสู่ระดับถัดไปได้
2. ยกระดับความสะอาดและความสบาย
ข้อนี้อาจเป็นการลงทุนด้วยต้นทุนต่ำแต่สามารถสร้างความแตกต่างต่อความพึงพอใจของแขกได้อย่างมาก
3. พัฒนาการดำเนินงานของโรงแรม
จัดการสร้างระบบการดำเนินงานที่ดีขึ้นเพื่อการให้การบริการลูกค้าที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
4. เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก
สระว่ายน้ำ ยิม เมนูอาหารที่หลากหลาย บริการสตรีมมิ่ง และอื่น ๆ ที่มักมีความสำคัญในการจัดระดับดาว
5. เพิ่มเมนูอาหารและเครื่องดื่ม
พิจารณาเมนูให้มีความหลากหลายพร้อมด้วยคุณภาพและวัตถุดิบในพื้นที่ อย่าลืมนำเสนอเมนูพิเศษ เช่น อาหารมังสวิรัติ อาหารวีแกน หรืออาหารกลูเตนฟรีที่สามารถรองรับแขกได้หลายประเภทในวงกว้าง
และควรโฟกัสไปถึงบรรยากาศของห้องอาหาร – บรรยากาศที่มีเสน่ห์สามารถสร้างแรงดึงดูดและยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารโดยรวมได้ อีกทั้งควรฝึกอบรมพนักงานในเรื่องการบริการสำหรับอาหาร และอาจแนะนำการรับประทานอาหารตามธีมยามค่ำคืนหรือเมนูพิเศษจากเชฟ จะสามารถเพิ่มความน่าสนใจให้กับแขกได้
6. ยกระดับให้ทันสมัยด้วยการอัปเกรดเทคโนโลยี
การนำเสนอฟีเจอร์ห้องพักอัจฉริยะ เช่น ระบบไฟอัตโนมัติ การควบคุมอุณหภูมิ และผู้ช่วยดิจิทัล สามารถเพิ่มความสะดวกสบายให้กับแขกได้อย่างมาก รวมถึงการมีแอปพลิเคชันของโรงแรมบนมือถือเพื่อความสะดวกในการเช็คอิน สั่งรูมเซอร์วิส และให้ข้อมูลสถานที่ต่าง ๆ จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของแขกได้ นอกจากนี้ ควรพิจารณาอัปเกรดระบบ Wi-Fi เพื่อให้มีการเชื่อมต่อความเร็วสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักเดินทางยุคใหม่
คำนึงไว้เสมอว่าเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เช่น ระบบการจองห้องพักที่ทันสมัยหรือเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล มีส่วนสำคัญในการเพิ่มคะแนนดาวผ่านการบริการที่ดีขึ้น เร็วขึ้น และใส่ใจเป็นรายบุคคลมากขึ้น
7. ตอบรับต่อคำแนะนำ/ข้อเสนอแนะของแขก
ใช้เครื่องมือรวบรวมคำติชมผ่านแบบสำรวจ รีวิวออนไลน์ หรือจากการสอบถามโดยตรง พร้อมตอบสนองความคิดเห็นเชิงลบทันทีและชัดเจน แสดงให้แขกและผู้ประเมินเห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของพวกเขาอย่างจริงจัง ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากคำติชมเพื่อปรับให้ได้ตามเป้าหมายด้านต่างๆ เช่น การบริการ สิ่งอำนวยความสะดวกภายนอกหรือภายในห้องพักของแขก
การแสดงประวัติเปลี่ยนแปลงเชิงบวกตามคำแนะนำของแขกจะเป็นตัวชี้วัดว่าโรงแรมของคุณใส่ใจต่อการยกระดับเพื่อความเป็นเลิศและความพึงพอใจของแขก