Google Hotel Ads คืออะไร?
Google Hotel Ads คือบริการโฆษณาแบบจ่ายเงินในระบบค้นหาโรงแรมของ Google พูดง่ายๆ คือเป็นโฆษณาที่แทรกอยู่ในผลการค้นหาโรงแรม เหมือนกับที่คุณเห็นโฆษณาในการค้นหาทั่วไปบน Google
ระบบค้นหาโรงแรมของ Google ช่วยให้คนหาที่พักได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะอยากไปเที่ยวที่ไหน โรงแรมสามารถเลือกใช้ Google Hotel Ads เพื่อโปรโมทตัวเองนอกเหนือจากการลงข้อมูลฟรี โดยโฆษณาจะแสดงอยู่ใน 4 อันดับแรกของผลการค้นหา ส่วนโรงแรมที่ไม่ได้ลงโฆษณาจะอยู่ในส่วน ‘ตัวเลือกทั้งหมด’ ด้านล่าง การใช้ Google Hotel Ads จะช่วยเพิ่มทราฟฟิกและรายได้ให้กับโรงแรมของคุณ
นอกจากการค้นหาบนคอมพิวเตอร์แล้ว อย่าลืมว่านักท่องเที่ยวยังค้นหาโรงแรมผ่านมือถือและแอปอื่นๆ ของ Google เช่น Google Maps ด้วย ซึ่ง Google Hotel Ads ก็จะแสดงในช่องทางเหล่านั้นเช่นกัน พร้อมข้อมูลและราคาล่าสุดของโรงแรมคุณ
บทความนี้จะเป็นคู่มือฉบับเต็มเกี่ยวกับ Google Hotel Ads อธิบายวิธีจัดการการแสดงผลบน Google อย่างง่ายๆ ผ่านระบบที่เชื่อมต่อกัน พร้อมเทคนิคการบริหารงบประมาณและเพิ่มรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารบัญ
ทำไม Google Hotel Ads ถึงสำคัญสำหรับผู้ประกอบการโรงแรม?
เวลาคนหาโรงแรมใน Google โรงแรมที่ขึ้นมาอันดับต้นๆ มักจะได้เปรียบ เพราะลูกค้าเห็นก่อนและมักคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีในงบประมาณของพวกเขา ดังนั้น ผู้ประกอบการโรงแรมควรใช้ประโยชน์จาก Google Hotel Ads เพื่อดึงดูดลูกค้าที่ใช้อินเทอร์เน็ตหาที่พัก
ความจริงก็คือ โรงแรมส่วนใหญ่แทบไม่มีโอกาสติดอันดับต้นๆ ใน Google แบบธรรมชาติ (ไม่จ่ายเงิน) Google Hotel Ads จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้คุณได้ตำแหน่งที่ดีแน่นอน ทำให้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
Google Hotel Ads ทำงานอย่างไร?
Google Hotel Ads ทำงานคล้ายกับช่องทางการจองอื่นๆ ที่คุณเชื่อมต่อกับโรงแรม แต่มีข้อดีเพิ่มคือโอกาสในการลงโฆษณาเพื่อให้คนเห็นมากขึ้น การมองเห็นสำคัญมาก เพราะโรงแรมของคุณจะต้องแข่งกับโรงแรมอื่นๆ อีกมากมายเวลาคนค้นหา “โรงแรมที่ (ชื่อสถานที่)”
ยกเว้นกรณีที่คนรู้จักโรงแรมคุณอยู่แล้วและค้นหาชื่อโรงแรมโดยตรง ซึ่งเขาจะเห็นโปรไฟล์ธุรกิจของคุณ และถ้าตั้งค่าไว้ ก็จะเห็นลิงก์จองฟรีด้วย
การสร้างโปรไฟล์โรงแรมบน Google และให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น จำนวนห้องว่างและราคา จะช่วยให้ผลการค้นหาดีขึ้น
เป้าหมายคือ นักท่องเที่ยวที่ค้นหา “โรงแรมที่…” จะสนใจและคลิกเข้าไปจองได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการจองผ่านเว็บไซต์โรงแรมโดยตรง ผ่าน OTA หรือจองบน Google เลย วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ข้อมูลห้องว่างและราคาบน Google อัพเดทอยู่เสมอ คือการใช้ Channel Manager
การทำแคมเปญโฆษณาเพื่อให้ได้ตำแหน่งบนสุดในผลการค้นหา โรงแรมต้องมีกลยุทธ์ที่แน่นหนาเพื่อให้คนเห็นมากที่สุดในราคาที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นี่จะช่วยรักษากำไรและทำให้ช่องทางนี้สร้างรายได้อย่างยั่งยืน
การสร้างโปรไฟล์โรงแรมรวมถึงลิงก์จองฟรีนั้นทำได้ง่าย เพียงแค่ยืนยันตัวตนและเป็นเจ้าของ Google Business Profile ของคุณ ซึ่งเป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่ Google จัดเตรียมไว้ให้เจ้าของธุรกิจ
สิ่งที่ต้องใส่ใจมากขึ้นคือการกระจายข้อมูลห้องพักไปยัง Google (ควรใช้ Channel Manager) และการบริหารแคมเปญอย่างชาญฉลาด เป้าหมายคือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายออนไลน์ที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสม ด้วยราคาประมูลและอัตราค่าห้องที่เหมาะสม
Google Hotel Ads มีค่าใช้จ่ายเท่าไร?
ค่าใช้จ่ายของ Google Hotel Ads ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งที่โรงแรมควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ เช่น ทำเลที่ตั้ง คู่แข่ง และการใช้งาน Google Hotel Ads ของคู่แข่ง ราคาโฆษณาจะขึ้นอยู่กับงบประมาณแคมเปญและมูลค่าการประมูลที่โรงแรมกำหนดเอง
โรงแรมสามารถควบคุมจำนวนเงินที่ใช้ประมูลใน Google Hotel Ads ได้ โดยเลือกประเภทของการประมูลที่ต้องการใช้สำหรับแคมเปญโรงแรมใน Google Ads ได้จากรายการต่อไปนี้:
- ค่าคอมมิชชั่น (ต่อการเข้าพัก): จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการจองห้องพัก เฉพาะเมื่อแขกเข้าพักจริง (ไม่จ่ายถ้ายกเลิก)
- ค่าคอมมิชชั่น (ต่อการจอง): จ่ายเปอร์เซ็นต์คงที่ของมูลค่าการจองทุกครั้งที่เกิดการจองผ่านโฆษณา แม้ว่าจะมีการยกเลิกภายหลัง
- Manual CPC (ต่อคลิก): กำหนดราคาตายตัวที่จะจ่ายเมื่อมีคนคลิกโฆษณา
- CPC%: จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาห้องพักต่อคืนเมื่อมีคนคลิกโฆษณา
- Enhanced CPC: ตัวเลือกนี้เป็นการตั้งค่าระดับแคมเปญ ระบบจะปรับราคาต่อคลิกอัตโนมัติ โดยใช้ข้อมูลอื่นๆ ที่ Google มี เรียกว่า ‘auction-time signals’ ซึ่งรวมถึงประเภทของอุปกรณ์ เวลาของวัน และปัจจัยอื่นๆ
โรงแรมในเมืองใหญ่ที่มีการแข่งขันสูงอาจต้องวางกลยุทธ์ Google Hotel Ads ต่างจากโรงแรมในเมืองเล็กที่อาจมีโรงแรมน้อยกว่า 10 แห่ง
ยิ่งมีโรงแรมน้อยในตลาดที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน เช่น ในเมืองเล็ก ยิ่งมีโอกาสสูงที่จะติดอันดับต้นๆ และเป็นที่สังเกตเห็นได้ง่ายสำหรับลูกค้าที่กำลังค้นหาในตลาดนั้นๆ
ในความเป็นจริง นี่ยังหมายความว่าตลาดในเขตชานเมือง ซึ่งมักได้รับผลพลอยได้ในวันที่เมืองใหญ่มีอัตราการเข้าพักสูง อาจสามารถทำกำไรสูงสุดในวันเฉพาะเหล่านั้นผ่านการทำแคมเปญที่ชาญฉลาด
อัตราการเปลี่ยนผู้ชมเป็นลูกค้า (Conversion Rate) คืออะไร?
ตามข้อมูลของ Renolon ซึ่งรวบรวมจาก 10 แหล่งข้อมูล พบว่าอัตราการเปลี่ยนผู้ชมเป็นลูกค้าเฉลี่ยของ Google Ads (ไม่เฉพาะโรงแรม) อยู่ที่ 4.72% โดยระบุว่ามีช่วงกว้างตามอุตสาหกรรม ตั้งแต่ 2.4 – 9.6% สำหรับ Google Hotel Ads โดยเฉพาะ มีอัตราการเปลี่ยนผู้ชมเป็นลูกค้าอยู่ที่ 3.55%
ซึ่งคาดว่าจะมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากฤดูกาล และระหว่างตลาดต่างๆ
แหล่งท่องเที่ยวที่มีการเข้าชมสูงและมีการแข่งขันมากอาจมีคนเข้าชมเยอะแต่อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าต่ำ ในขณะที่ตลาดที่เล็กกว่า ซึ่งกระบวนการตัดสินใจอาจเกี่ยวข้องกับการค้นหาหรือเปรียบเทียบน้อยกว่า อาจเปลี่ยนผู้ชมที่มีความต้องการแน่นอนในการเข้าพักให้กลายเป็นลูกค้าได้เร็วกว่า
การประเมินว่าอัตราการเปลี่ยนผู้ชมเป็นลูกค้าระดับใดถือว่าดีสำหรับโรงแรมของคุณ จะขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบกับผลงานของโรงแรมคุณในช่องทางอื่นๆ และต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้าโดยรวม
ประโยชน์ของการใช้ Google Hotel Ads สำหรับธุรกิจโรงแรม
ความสำคัญของ Google Ads สำหรับธุรกิจโรงแรมนั้นไม่อาจมองข้ามได้ เมื่อคนส่วนใหญ่จองที่พักออนไลน์ด้วยตัวเอง และ Google ครองส่วนแบ่งตลาดเสิร์ชเอนจินทั่วโลกมากกว่า 90% จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแพลตฟอร์มนี้สำคัญมากในการดึงดูดลูกค้า
สำหรับโฆษณาโรงแรม Google ทำหน้าที่เป็นเมตาเสิร์ชเอนจิน – ตัวกลางที่นำผู้ใช้ไปยัง OTA เว็บไซต์โรงแรม และช่องทางอื่นๆ การลงทุนใน Google Ads อย่างชาญฉลาดจะช่วยให้โรงแรมได้รับประโยชน์หลายอย่าง:
1. เพิ่มการมองเห็น
สำหรับคนส่วนใหญ่ Google คือประตูสู่อินเทอร์เน็ต หากคุณลงทุนใน Google Hotel Ads โรงแรมของคุณจะปรากฏในผลการค้นหาเมื่อผู้ใช้พิมพ์ “โรงแรม [ชื่อสถานที่ของคุณ]” (หรือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องอื่นๆ) ซึ่งช่วยเพิ่มการมองเห็นออนไลน์อย่างมีนัยสำคัญ
2. แข่งขันกับ OTA ได้
เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา Google Hotel ของคุณ พวกเขาจะถูกส่งไปยังเว็บไซต์ของคุณโดยตรง ซึ่งสามารถจองกับคุณได้เลย วิธีนี้ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการจองของ OTA ที่สูงถึง 15-25% เพิ่มกำไรต่อการจองอย่างมาก Google Hotel Ads จึงช่วยให้คุณแข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง Booking.com และ Expedia ที่มีงบการตลาดมหาศาลได้
3. โฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย
Google Hotel Ads ช่วยให้คุณเลือกใช้คีย์เวิร์ดและคำเฉพาะได้ ซึ่งช่วยให้การลงทุนโฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณอาจเริ่มต้นด้วยคีย์เวิร์ดพื้นฐานอย่าง “โรงแรม [ชื่อสถานที่]” แต่การสำรวจและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเพิ่มเติมจะช่วยให้คุณรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายแต่ละประเภทค้นหาที่พักแบบของคุณอย่างไร
ตัวอย่างเช่น การเพิ่มคีย์เวิร์ดเฉพาะอย่าง ‘หรูหรา’, ‘ติดทะเล’, ‘มีสปา’, ‘อาหารเช้าฟรี’ หรือ ‘รับสัตว์เลี้ยง’ อาจช่วยให้คุณได้ผลตอบแทนจากการลงทุนโฆษณาที่ดีขึ้น เพราะตรงกับสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหา
4. ควบคุมค่าใช้จ่าย
พูดถึงการลงทุน คุณสามารถควบคุมจำนวนเงินที่ลงทุนใน Google Hotel Ads ได้อย่างเข้มงวด แพลตฟอร์มนี้ใช้ระบบจ่ายต่อคลิก (PPC) ซึ่งคุณจะถูกเรียกเก็บเงินเฉพาะเมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณาจริงๆ นอกจากนี้ ระบบประมูลยังช่วยให้คุณระบุได้ว่าคุณเต็มใจจ่ายเท่าไหร่เพื่อให้โฆษณาปรากฏต่อหน้าผู้คน (แม้ว่าคุณจะต้องจ่ายในอัตราตลาดเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ต้องการก็ตาม) ที่ SiteMinder ทีมประมูล Demand Plus ผู้เชี่ยวชาญของเราสามารถทำให้แน่ใจว่าห้องพักโรงแรมของคุณจะปรากฏบน Google Hotel Ads
5. การตลาดแบบรีมาร์เก็ตติ้ง
Google ยังเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับการทำรีมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเป็นวิธีการแสดงโฆษณาแบบดิสเพลย์แก่ผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมาก่อน การเตือนความจำเบาๆ เหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าที่มีศักยภาพสร้างความคุ้นเคยและความไว้วางใจกับโรงแรมของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่การจองในที่สุด
วิธีตั้งค่า Google Hotel Ads สำหรับโรงแรมของคุณ
ก่อนเริ่มใช้ Google Hotel Ads คุณต้องยืนยันตัวตนโรงแรมบน Google ก่อน ซึ่งทำได้ไม่ยาก ตามขั้นตอนในหน้าช่วยเหลือของ Google หลังจากนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดในโปรไฟล์ โดยเฉพาะลิงก์ต่างๆ ให้ถูกต้อง
เนื้อหาดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าลิงก์ไปเว็บไซต์โรงแรมเสีย การตรวจสอบนี้ช่วยให้มั่นใจว่า แม้ก่อนเริ่มลงโฆษณา ข้อมูลที่แขกเห็นในส่วน “ตัวเลือกทั้งหมด” ที่ไม่เสียเงิน ก็พร้อมใช้งานแล้ว
เมื่อโปรไฟล์และเนื้อหาพร้อม ต่อไปคุณต้องทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อสร้างโฆษณาแรก:
- เชื่อมต่อข้อมูลห้องพักและราคากับ Google ผ่าน API หรือบริษัทตัวกลาง เช่น Channel Manager
- ตรวจสอบว่าโรงแรมของคุณตรงตามข้อกำหนดการแสดงรายการและคุณภาพข้อมูลของ Google
- ถ้าคุณใช้ Channel Manager ให้ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อสร้างโฆษณาแรก ส่วนโรงแรมที่ไม่ได้ใช้พาร์ทเนอร์ สามารถใช้แพลตฟอร์มของ Google เพื่อสร้างและจัดการโฆษณาควบคู่ไปกับระบบของตัวเอง
การใช้แพลตฟอร์มบริหารจัดการโรงแรมแบบครบวงจร เช่น SiteMinder ช่วยให้คุณได้ประโยชน์จาก Google Hotel Ads โดยไม่ต้องทำงานหนักเอง วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจว่าทุกการตัดสินใจด้านการตลาด ราคา หรือการอัปเดตเนื้อหาทั่วไป จะสอดคล้องกันในทุกช่องทางและอัปเดตแบบเรียลไทม์
พาร์ทเนอร์ที่รองรับการใช้งาน Google Hotel Ads คืออะไร?
แม้ว่าจะมีพาร์ทเนอร์มากกว่า 200 รายบนเว็บไซต์ของ Google แต่มีน้อยกว่าครึ่งที่เป็น “พาร์ทเนอร์ด้านโฆษณา” ด้วย
พาร์ทเนอร์ที่รองรับ Google Hotel Ads จะจัดการทั้งการเชื่อมต่อหรือกระจายข้อมูลห้องพักของคุณ รวมถึงราคาไปยัง Google และแคมเปญ Google Hotel Ads ของคุณ โดยทั้งหมดนี้ควรทำได้ในแพลตฟอร์มเดียว
การจัดการ Google Hotel Ads จะเป็นประเด็นสำคัญเมื่อคุณพิจารณาว่าโรงแรมของคุณจัดการความสัมพันธ์กับช่องทางอื่นๆ และรักษาสถานะปัจจุบันของโรงแรมอย่างไร
การเพิ่มเครื่องมือแยกต่างหากอาจเพิ่มภาระงานได้ SiteMinder เป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ของ Google Hotel Ads ที่ให้บริการแพลตฟอร์มบริหารจัดการโรงแรมแบบครบวงจร ช่วยให้คุณจัดการโรงแรม รวมถึง Google Hotel Ads ได้จากที่เดียว
เริ่มต้นใช้ Google Hotel Ads อย่างไร: ขั้นตอนง่ายๆ และประโยชน์ที่จะได้รับ
เมื่อคุณเริ่มใช้ Google Hotel Ads ควรเน้นที่ความถูกต้องของข้อมูลและทำให้พื้นฐานทุกอย่างสมบูรณ์แบบก่อน ลองทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้:
- ตั้งการแจ้งเตือนเป็นประจำ เพื่อตรวจสอบโปรไฟล์และลิงก์ของคุณให้ถูกต้องเสมอ
- ตรวจทานงานของคุณอย่างละเอียด รวมถึงการตั้งค่างบประมาณทุกครั้ง นี่เป็นงานที่ทั้งมือใหม่และมืออาชีพต้องทำเหมือนกัน
- รู้วิธีติดตามการจองที่เกิดขึ้น ถ้าลิงก์ทุกอย่างทำงานได้ดี ข้อมูลถูกต้อง และการตั้งค่าแคมเปญราบรื่น ก็ถึงเวลาถามตัวเองว่าคุณรู้วิธีระบุการจองผ่าน Google Hotel Ads หรือยัง ต้องมีระบบติดตามที่ใช้งานง่ายและตรวจสอบได้ ขึ้นอยู่กับพาร์ทเนอร์ที่คุณใช้
- เปรียบเทียบประสิทธิภาพการจองจากช่องทางต่างๆ รวมถึงต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า นี่จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าผลงานที่ดีของ Google Hotel Ads สำหรับโรงแรมคุณควรเป็นอย่างไร
- ดูแลโปรไฟล์ของคุณ: นอกจากข้อมูลที่คุณควบคุมได้โดยตรง โปรไฟล์โรงแรมของคุณบน Google ยังประกอบด้วยรูปภาพและรีวิวที่ผู้ใช้ Google เพิ่มเข้ามา คุณสามารถมีอิทธิพลต่อเนื้อหาเหล่านี้ได้ โดยการตอบกลับรีวิวและกระตุ้นให้แขกโพสต์รีวิว นี่เป็นเนื้อหาเพิ่มเติมฟรีที่ช่วยทำการตลาดให้โรงแรมคุณกับคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้
ประโยชน์ของ Google Hotel Ads มีมากมาย โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงขนาดของ Google ในฐานะพันธมิตร:
- คนมักค้นหาใน Google ก่อนไปที่เว็บไซต์ OTA: ด้วยการแสดงช่องทางและราคาต่างๆ Google ช่วยประหยัดเวลาให้นักท่องเที่ยว และให้โอกาสโรงแรมคุณได้รับการจองโดยตรง ช่วยประหยัดค่าคอมมิชชั่น OTA และทำให้คุณได้สร้างความสัมพันธ์กับแขกโดยตรง
- Google เป็นยักษ์ใหญ่ในโลกออนไลน์มานาน ทำให้คนไว้วางใจ ซึ่งสร้างความน่าเชื่อถือให้กับโฆษณาโรงแรมและเพิ่มโอกาสในการจอง
- ด้วยความเป็นผู้นำและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง Google ในฐานะพันธมิตรมีวิธีที่จะตามทันความต้องการล่าสุดของนักท่องเที่ยว แนวโน้มการค้นหา และพฤติกรรม เพื่อช่วยให้โรงแรมได้รับการจองมากขึ้น
ตัวอย่างการใช้งาน Google Hotel Ads
หากต้องการดูตัวอย่าง Google Hotel Ads คุณแค่ค้นหา “โรงแรมใน(ชื่อเมือง)” แล้วคลิกที่ผลลัพธ์อันดับต้นๆ แต่ถ้าอยากเห็นตัวอย่างที่มากกว่ามุมมองของผู้จอง คุณต้องมองให้ลึกขึ้น
Google แบ่งปันกรณีศึกษาความสำเร็จของแบรนด์ต่างๆ เพื่อให้เข้าใจผลกระทบของการใช้โฆษณาเชิงกลยุทธ์ในระดับใหญ่ โดยเครือโรงแรมขนาดใหญ่บางแห่งเห็นยอดจองเพิ่มขึ้นสูงถึง 75%
การใช้กลยุทธ์ตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ทำให้โรงแรมของคุณแข่งขันกับโรงแรมอื่นๆ แตกต่างกันไปตามต้นทางของการค้นหา เช่น การค้นหา “โรงแรมในซิดนีย์” ที่มาจากเยอรมนี จะให้ผลลัพธ์แตกต่างกัน
ขณะเดียวกัน การค้นหา “โรงแรมในซิดนีย์” สำหรับวันเดียวกันจะให้ผลลัพธ์ต่างกันเมื่อค้นหาจากสหรัฐอเมริกา เพราะการประมูลและขอบเขตของแคมเปญอาจถูกกำหนดไว้ต่างกันโดยแต่ละโรงแรม
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ Google Hotel Ads
Google Hotel Ads ได้ปรับปรุงใหม่ โดยแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วนหลัก คือ:
ส่วนโฆษณาแบบจ่ายเงิน (Paid Ads) เหมือนเดิมที่คุณคุ้นเคย ผู้ลงโฆษณาอย่าง SiteMinder’s Demand Plus, Booking.com หรือ Expedia จะจ่ายเงินเพื่อให้ขึ้นใน 4 อันดับแรกของผลการค้นหาโรงแรม
ส่วน “ตัวเลือกทั้งหมด” (All Options) เป็นส่วนใหม่ที่ผู้ลงโฆษณาสามารถแสดงผลได้ฟรี โดยไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ต้องเชื่อมต่อกับ Google โดยตรง
โดยทั่วไป จะมี 4 ผลลัพธ์ในส่วนโฆษณาจ่ายเงิน ส่วน “ตัวเลือกทั้งหมด” จะแสดงถึง 10 ผลลัพธ์ และสามารถขยายเพื่อดูเพิ่มเติมได้
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Google ในการช่วยให้แบรนด์ท่องเที่ยวเข้าถึงนักท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น ทำให้มีช่องทางใหม่ในการเข้าถึงลูกค้า เพิ่มจำนวนผู้เข้าชม และได้การจองมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังช่วยให้นักท่องเที่ยวเห็นตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น เพราะมีช่องทางการกระจายข้อมูลฟรี และเป็นแรงจูงใจให้ผู้ลงโฆษณารายใหม่เข้ามาร่วม เพราะมีวิธีส่งข้อมูลราคาให้ Google ที่ประหยัดกว่าเดิม
เทคนิคการจัดการ Google Hotel Ads ให้มีประสิทธิภาพ
เพื่อเพิ่มยอดการจองและรายได้โดยไม่ต้องใช้งบมากเกินไป ลองทำตามเทคนิคต่อไปนี้:
1. ทดสอบและติดตามผล
ลองใช้ Google Ad Preview Tool เพื่อดูว่าโฆษณาของคุณแสดงผลอย่างไร และคู่แข่งเป็นยังไงบ้าง คุณสามารถลองค้นหาจากประเทศอื่นๆ ได้ด้วย
2. ตั้งค่าอัตโนมัติ
ตั้งค่าให้ระบบปรับเปลี่ยนสถานะโฆษณา งบประมาณ หรือการประมูลโดยอัตโนมัติ ตามเงื่อนไขที่คุณกำหนด เช่น เพิ่มการประมูลคีย์เวิร์ดเมื่อโฆษณาหลุดจากหน้าแรก
3. รักษาความเท่าเทียมของราคา
เมื่อราคาไม่ต่างกันมาก นักท่องเที่ยวมักเลือกช่องทางที่พวกเขาคุ้นเคย หลายคนรู้ว่าการจองกับโรงแรมโดยตรงอาจได้สิทธิพิเศษเพิ่ม
4. ดูแลคอนเทนต์ให้ทันสมัย
ทั้งข้อมูลในโปรไฟล์ เว็บไซต์ บล็อก และข่าวสารต่างๆ อย่าปล่อยให้มีข้อมูลล้าสมัย เช่น โปรโมชั่นหรืออีเวนต์ที่ผ่านไปแล้ว การอัพเดทเนื้อหาสม่ำเสมอแสดงว่าคุณพร้อมต้อนรับลูกค้าเสมอ
5. โฟกัสวันสำคัญ
ถ้างบจำกัด ลองโฟกัสเฉพาะช่วงสำคัญ เช่น เมื่ออัตราการเข้าพักต่ำกว่าเป้าในช่วงเวลาที่กำหนด
6. ติดตามต้นทุนที่เปลี่ยนแปลง
เงินเฟ้อและการขาดแคลนแรงงานทั่วโลกส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินงานของโรงแรม ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนและปรับงบโฆษณาให้เหมาะสม